ได้แล้วผู้จัดการ ธ.ก.ส. “ลักษณ์ วจนานวัช” หลังว่างเว้นมานานกว่า 8 เดือน บอร์ดลงมติตั้ง 24 มิ.ย.นี้ ก่อนเข้า ครม.เร็วที่สุด เผยวิชั่นเดินหน้าลุยโครงการยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร ปูพรมเปิดอีก 300 สาขาครอบคลุมระดับตำบลเพิ่มยอดรวมสาขาเป็น 1,200 แห่ง จับมือ อปท.ลุยสินเชื่อไมโครไฟแนนซ์นอกภาคเกษตรช่วยเหลือคนระดับล่างให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น
หลังจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)ซึ่งเป็นหน่วยงานสนับสนุนที่สำคัญในระดับฐานรากเครื่องมือหลักของรัฐบาลในการฟื้นเศรษฐกิจของประเทศได้ว่างเว้นตำแหน่งผู้จัดการมาตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม 2551 หลังจากที่นายธีรพงษ์ ตั้งธีระสุนันท์ อดีตผู้จัดการ ได้หมดวาระ โดยแหล่งข่าวกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า บอร์ด ธ.ก.ส. มีความเห็นตรงกันว่านายลักษณ์ วจนานวัช รองผู้จัดการ ธ.ก.ส. มีความเหมาะสมมากที่สุดกับตำแหน่งนี้จากผู้สมัครทั้งสิ้น 3 ราย โดยจะมีการประชุมเพื่อลงมติในวันที่ 24 มิ.ย.ในวาระพิเศษเพื่อให้กระทรวงการคลังเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยเร็วที่สุด
นายลักษณ์ วจนานวัช กล่าวว่า หลังจากเข้ารับตำแหน่งผู้จัดการ ธ.ก.ส.แล้วจะเพิ่มการบริการให้กับลูกค้าของ ธ.ก.ส.อย่างทั่วถึงโดยจะเปิดสาขาเพิ่มอีก 300 สาขา จากปัจจุบันที่มีอยู่ 900 สาขา ให้มี 1,200 สาขา ซึ่งจะเพิ่มพื้นที่การให้บริการให้ถึงระดับตำบลเพราะ ธ.ก.ส.มีความต้องการลดต้นทุนในการเดินทางมาใช้บริการสาขาของลูกค้าลง ในขณะเดียวกันจะดำเนินการปรับภาพลักษณ์ของธนาคารทางด้านกายภาพให้ดูมีความทันสมัยเข้าถึงคนรุ่นใหม่ ควบคู่ไปกับการประชาสัมพันธ์และสร้างกิจกรรมเพื่อสังคม ส่วนเรื่องคอร์แบงกิ้งก็จะดำเนินการต่อเพื่อให้ระบบสามารถรองรับธุรกรรมของ ธ.ก.ส.ในอนาคตที่จะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น
สำหรับลูกค้าของ ธ.ก.ส. นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ในฐานะประธานบอร์ดได้แสดงความห่วงใยต่อภาระหนี้สินของลูกค้าที่บางรายมีหนี้สะสมอยู่นานมาก จึงมีโครงการที่จะลดภาระหนี้สินให้กับเกษตรกร เช่น การปลดหนี้อย่างมีเหตุผล หรืออาจจำหน่ายออกจากบัญชีการเป็นลูกหนี้ ลดภาระหนี้รวมถึงขยายเวลาการชำระหนี้ออกไปซึ่งจะพิจารณาเป็นรายๆ ไปตามความเหมาะสมและดำเนินการส่งเสริมการการฟื้นฟูอาชีพไปพร้อมกันด้วย และในบางรายที่สูงอายุอาจให้ลูกหลานเข้ามารับภาระหนี้สินแทนได้
นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่สำคัญคือการทำระบบคุ้มครองความเสี่ยงให้กับลูกค้าที่ ธ.ก.ส. ได้ทำโครงการนำร่องและเห็นว่าควรจะทำอย่างจริงจังได้แล้วเพื่อลดภาระในการรับจำนำผลผลิตทางการเกษตรของรับบาลที่ใช้งบประมาณปีละหลายหมื่นล้านบาท โดยจะดำเนินโครงการรับประกันราคาสินค้าเกษตรและประกันภัยพืชผลทางการเกษตรให้เป็นรูปธรรม
นายลักษณ์กล่าวต่อว่า จะขยายโครงการสนับสนุนสหกรณ์การเกษตรเพื่อเชื่อมโยงผลผลิตเข้ากับตลาดให้มีระบบเพื่อช่วยเพิ่มอำนาจการต่อรองและการกำหนดราคาสินค้าของเครือข่ายเกษตรกร โดยได้มีการประสานงานเบื้องต้นกับกรมส่งเสริมสหกรณ์และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อให้โครงการเป็นรูปธรรมขึ้นโดยเร็ว
ทั้งนี้รมว.คลังได้มอบหมายให้ ธ.ก.ส. ไปจัดทำโครงการไมโครไฟแนนซ์ สำหรับคนยากจน ผู้ด้อยโอกาสนอกภาคการเกษตรที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ โดย ธ.ก.ส.จะร่วมมือกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) ที่เป็นพันธมิตรทางด้านเงินฝากที่ดีเพื่อเข้ามาดูแลสินเชื่อให้กับคนยากจนเหล่านี้รวมทั้งจะมีการพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานเพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยในชนบทให้ดีขึ้น
โดยหลังจากที่ ธ.ก.ส.ได้แก้กฎหมายแล้วทำให้สามารถปล่อยสินเชื่อนอกภาคการเกษตรได้จึงเห็นโอกาสที่จะเข้ามาปล่อยสินเชื่อในกลุ่มนี้ อีกทั้งระดับนโยบายก็ให้การสนับสนุนจึงคาดว่าจะดำเนินโครงการนี้ได้โดยเร็วเพื่อให้คนระดับล่างเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น
“นอกจากการขยายกลุ่มลูกค้าไปทำสินเชื่อไมโครไฟแนนซ์นอกภาคเกษตรแล้วยังจะขยายไปยังธุรกิจเอสเอ็มอีโดยจะเน้นไปยังขอบเขตที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตร โดย ธ.ก.ส.มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นสถาบันการเงินและศูนย์กลางการบริหารเงินสำหรับภาคการเกษตรและชนบทของประเทศ” นายลักษณ์กล่าว
หลังจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)ซึ่งเป็นหน่วยงานสนับสนุนที่สำคัญในระดับฐานรากเครื่องมือหลักของรัฐบาลในการฟื้นเศรษฐกิจของประเทศได้ว่างเว้นตำแหน่งผู้จัดการมาตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม 2551 หลังจากที่นายธีรพงษ์ ตั้งธีระสุนันท์ อดีตผู้จัดการ ได้หมดวาระ โดยแหล่งข่าวกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า บอร์ด ธ.ก.ส. มีความเห็นตรงกันว่านายลักษณ์ วจนานวัช รองผู้จัดการ ธ.ก.ส. มีความเหมาะสมมากที่สุดกับตำแหน่งนี้จากผู้สมัครทั้งสิ้น 3 ราย โดยจะมีการประชุมเพื่อลงมติในวันที่ 24 มิ.ย.ในวาระพิเศษเพื่อให้กระทรวงการคลังเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยเร็วที่สุด
นายลักษณ์ วจนานวัช กล่าวว่า หลังจากเข้ารับตำแหน่งผู้จัดการ ธ.ก.ส.แล้วจะเพิ่มการบริการให้กับลูกค้าของ ธ.ก.ส.อย่างทั่วถึงโดยจะเปิดสาขาเพิ่มอีก 300 สาขา จากปัจจุบันที่มีอยู่ 900 สาขา ให้มี 1,200 สาขา ซึ่งจะเพิ่มพื้นที่การให้บริการให้ถึงระดับตำบลเพราะ ธ.ก.ส.มีความต้องการลดต้นทุนในการเดินทางมาใช้บริการสาขาของลูกค้าลง ในขณะเดียวกันจะดำเนินการปรับภาพลักษณ์ของธนาคารทางด้านกายภาพให้ดูมีความทันสมัยเข้าถึงคนรุ่นใหม่ ควบคู่ไปกับการประชาสัมพันธ์และสร้างกิจกรรมเพื่อสังคม ส่วนเรื่องคอร์แบงกิ้งก็จะดำเนินการต่อเพื่อให้ระบบสามารถรองรับธุรกรรมของ ธ.ก.ส.ในอนาคตที่จะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น
สำหรับลูกค้าของ ธ.ก.ส. นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ในฐานะประธานบอร์ดได้แสดงความห่วงใยต่อภาระหนี้สินของลูกค้าที่บางรายมีหนี้สะสมอยู่นานมาก จึงมีโครงการที่จะลดภาระหนี้สินให้กับเกษตรกร เช่น การปลดหนี้อย่างมีเหตุผล หรืออาจจำหน่ายออกจากบัญชีการเป็นลูกหนี้ ลดภาระหนี้รวมถึงขยายเวลาการชำระหนี้ออกไปซึ่งจะพิจารณาเป็นรายๆ ไปตามความเหมาะสมและดำเนินการส่งเสริมการการฟื้นฟูอาชีพไปพร้อมกันด้วย และในบางรายที่สูงอายุอาจให้ลูกหลานเข้ามารับภาระหนี้สินแทนได้
นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่สำคัญคือการทำระบบคุ้มครองความเสี่ยงให้กับลูกค้าที่ ธ.ก.ส. ได้ทำโครงการนำร่องและเห็นว่าควรจะทำอย่างจริงจังได้แล้วเพื่อลดภาระในการรับจำนำผลผลิตทางการเกษตรของรับบาลที่ใช้งบประมาณปีละหลายหมื่นล้านบาท โดยจะดำเนินโครงการรับประกันราคาสินค้าเกษตรและประกันภัยพืชผลทางการเกษตรให้เป็นรูปธรรม
นายลักษณ์กล่าวต่อว่า จะขยายโครงการสนับสนุนสหกรณ์การเกษตรเพื่อเชื่อมโยงผลผลิตเข้ากับตลาดให้มีระบบเพื่อช่วยเพิ่มอำนาจการต่อรองและการกำหนดราคาสินค้าของเครือข่ายเกษตรกร โดยได้มีการประสานงานเบื้องต้นกับกรมส่งเสริมสหกรณ์และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อให้โครงการเป็นรูปธรรมขึ้นโดยเร็ว
ทั้งนี้รมว.คลังได้มอบหมายให้ ธ.ก.ส. ไปจัดทำโครงการไมโครไฟแนนซ์ สำหรับคนยากจน ผู้ด้อยโอกาสนอกภาคการเกษตรที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ โดย ธ.ก.ส.จะร่วมมือกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) ที่เป็นพันธมิตรทางด้านเงินฝากที่ดีเพื่อเข้ามาดูแลสินเชื่อให้กับคนยากจนเหล่านี้รวมทั้งจะมีการพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐานเพื่อยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยในชนบทให้ดีขึ้น
โดยหลังจากที่ ธ.ก.ส.ได้แก้กฎหมายแล้วทำให้สามารถปล่อยสินเชื่อนอกภาคการเกษตรได้จึงเห็นโอกาสที่จะเข้ามาปล่อยสินเชื่อในกลุ่มนี้ อีกทั้งระดับนโยบายก็ให้การสนับสนุนจึงคาดว่าจะดำเนินโครงการนี้ได้โดยเร็วเพื่อให้คนระดับล่างเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น
“นอกจากการขยายกลุ่มลูกค้าไปทำสินเชื่อไมโครไฟแนนซ์นอกภาคเกษตรแล้วยังจะขยายไปยังธุรกิจเอสเอ็มอีโดยจะเน้นไปยังขอบเขตที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตร โดย ธ.ก.ส.มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นสถาบันการเงินและศูนย์กลางการบริหารเงินสำหรับภาคการเกษตรและชนบทของประเทศ” นายลักษณ์กล่าว
