xs
xsm
sm
md
lg

คอนโดมิเนียมราคามีแต่ขึ้น "เฟรเกรนท์"ชี้ต้นทุนที่ดิน-เหล็กปรับเพิ่ม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้บริหารเฟรเกรนท์ฯ ฟันธงคอนโดฯกลางเมืองมีแต่ขยับขึ้น เตือนลูกค้าชะลอซื้อรอราคาลงอาจต้องควักเงินเพิ่ม เหตุต้นทุนที่ดินไม่ลด ส่วนใหญ่อยู่ในมือเศรษฐี 70-80% ไม่ง้อถ้าราคาไม่ดีไม่ขาย ส่วนยักษ์ใหญ่จีน-อินเดีย แน้มโน้มใช้เหล็กเพิ่มต่อเนื่องคาดอีก 10 ปีบริโภคเหล็ก 10,000 ล้านตัน/ปี ขู่ราคาบ้านขึ้นแน่ พร้อมเตรียมเพิ่มทุนเป็น 800 ล้านบาท รองรับขยายลงทุนโครงการใหม่ไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท

นายเจมส์ ดูอัน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฟรเกรนท์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า จากวิกฤตเศรษฐกิจและสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ได้มีผลกระทบต่อตลาดรวมอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ผู้ ประกอบ การระมัดระวังการพัฒนาโครงการใหม่ ส่งผลให้ปริมาณที่อยู่อาศัย(ซับพลาย)ใหม่ที่จะเข้าสู่ตลาดในปีนี้ ลดลง 40% เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส ขณะเดียวกันผู้บริโภคกลับชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย เพราะยังไม่มั่นใจในเรื่องของรายได้

“ แม้ผู้ประกอบการจะชะลอการการลงทุนโครงการ แต่ซับพลายในตลาดยังมีเหลืออยู่ โดยปัจจุบันห้องชุดที่ค้างอยู่ในตลาดรวมมีกว่า 27-30% ประมาณ 100,000 -110,000 หน่วย จากจำนวนสต๊อกที่อยู่อาศัยในตลาดรวม ซึ่งค้างมาตั้งแต่ปี 2540” นายเจมส์ กล่าวและเชื่อว่า ราคาที่อยู่อาศัยในปัจจุบันมีโอกาสน้อยมากในการปรับลดราคาห้องชุด ในพื้นที่ใจกลางเมือง (ซีบีดี) เนื่องจากที่ดินส่วนใหญ่ 70-80% จะอยู่ในมือของเศรษฐี และหากไม่ได้ราคาที่ดีจะไม่ยอมขาย เพราะไม่ปัญหาทางด้านการเงิน แต่ในต่างประเทศที่ดินในย่านซีบีดี ส่วนใหญ่บริษัท เอกชนหรือผู้ประกอบการอสังหาฯจะครอบครองไว้ เมื่อเกิดวิกฤตและมีความจำเป็นต้องใช้เงินสด จะเทขายที่ดินออกไป เพื่อลกภาระต้นทุนดอกเบี้ย

นายเจมส์ กล่าวว่า เมื่อสถานการณ์ของธุรกิจในไทย ไม่ได้รับผลกระทบจนขาดทุนหรือล้มหายไปเหมือนเช่นปี 2540 การรอให้ราคาขายที่อยู่อาศัยลดลง จึงเป็นเรื่องที่เกิดได้ยาก ในขณะที่แนวโน้มราคาขายในอนาคตที่จะสูงขึ้นนั้นกลับมีโอกาสสูงมาก หากประเทศจีนและอินเดียขยายการลงทุนมากขึ้น จะส่งผลให้ราคาขายเหล็กปรับตัวตามความต้องการในตลาดโลก

โดยในแต่ละปี ประเทศจีนจะมีการใช้เหล็กในการก่อสร้างและลงทุนด้านสาธารณูปโภคประมาณ 500 ล้านตัน อินเดียบริโภคเหล็ก 1,000 ล้านตันต่อปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า ทั้งจีนและอินเดีย จะบริโภคเหล็กต่อปีสูงถึง 10,000 ล้านตัน ย่อมทำให้ราคาเหล็กซึ่งเป็นต้นทุนในการก่อสร้างที่อยู่อาศัย และก่อสร้างโครงการต่างๆ ปรับตัวสูงขึ้นแน่นอน

“ เมื่อสถานการณ์การเมืองมีเสถียรภาพ และเศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวในปี 2553 บวกกับกำลังซื้อเริ่มดีขึ้น ทางผู้ประกอบการอสังหาฯจะเร่งระบายสต๊อกที่อยู่อาศัยออกสู่ตลาด อาจทำให้ราคาขายขยับขึ้นได้ แต่ก็เชื่อว่า ราคาขายอาคารชุดจะไม่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่จะปรับไปตามภาวะ เพราะห้องชุดคงค้างในตลาด สามารถรองรับความต้องการซื้อได้ระยะหนึ่ง ”

**เรียกทุนเพิ่ม800ล้านรองรับลุยโครงการใหม่
กรรมการผู้จัดการกล่าวเตรียมความพร้อมถึงแผนลงทุนในปี 53 ว่า จะเน้นขยายมูลค่าโครงการ เพื่อรองรับกับต้นทุนทางการเงิน เนื่องจากในช่วงต้นปี 52 ที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร ได้มีมติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนเพิ่มเป็น 800 ล้านบาทจากก่อนหน้าทุนจดทะเบียนอยู่ที่ 450 ล้านบาท

โดยในปี 53 เตรียมแผนลงทุนโครงการใหม่เพิ่มอีกอย่างน้อย 2 โครงการ ซึ่งได้จัดซื้อที่ดินเข้ามารอพัฒนาโครงการใหม่แล้ว จำนวน 14 ไร่ ย่านถนนเพชรบุรี พัฒนาเป็นโครงการคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ มูลค่าโครงการไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท และมีแผนพัฒนาโครงการคอนโดฯโลว์ไรท์เพิ่มอีก 1 โครงการ มูลค่าการลงทุนไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อที่ดิน

นายเจมส์ กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าโครงการ เฟรเกรนท์ สุขุมวิท 71 นั้น สามารถปิดการขายและโอนให้ลูกค้าได้ทั้งหมดแล้ว ส่วนโครงการ The Prime 11 สามารถขายได้แล้วกว่า 90% โดยยูนิตเหลือขายส่วนใหญ่จะเป็นห้องเพ้นเฮาส์ และห้องชุด 1 ห้องนอนรวม 13 ยูนิต คาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ในปีนี้ และเริ่มโอนให้ลูกค้าเข้าอยู่ได้ในเดือนก.ย.นี้

สำหรับความคืบหน้าโครงการ Circle เพชรบุรีนั้น มียอดขายแล้ว 80% จากจำนวนหน่วยรวม 900 ยูนิต หรือ มีห้องเหลือขาย 150 ยูนิต โดยในเดือน ส.ค.-ก.ย.นี้ บริษัทจะจัดแคมเปญใหญ่ร่วมกับสถาบันการเงิน และเครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อเร่งปิดการขายโครงการดังกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น