xs
xsm
sm
md
lg

SCIBขายหุ้นกู้หนุนเงินกองทุน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แบงก์นครหลวงไทยเตรียมขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิอายุ 10 ปี ให้นักลงทุนรายย่อยทั่วไปและประเภทสถาบัน จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ปีที่ 1-3 อัตราดอกเบี้ย 5.5% ต่อปี ปีที่ 4-7 อัตราดอกเบี้ย 6.0% ต่อปี ปีที่ 8-10 อัตราดอกเบี้ย 6.5% ต่อปี จองซื้อขั้นต่ำ 1 แสนบาท ระหว่างวันที่ 15-18 มิ.ย. สรุปวงเงินขายภายใน 8 มิ.ย.นี้ หวังสร้างความแข็งแกร่งให้กับเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคาร และรองรับแผนการขยายการดำเนินธุรกิจ ในเชิงรุก ด้านเศรษฐกิจไทยชี้ครึ่งปีหลังยังมีปัจจัยที่ต้องติดตามใกล้ชิด

นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน)(SCIB) เปิดเผยว่า ธนาคารจะดำเนินการเสนอขาย "หุ้นกู้ด้อยสิทธิธนาคารนครหลวงไทยครั้งที่ 1/2552" ซึ่งเป็นหุ้นกู้ไม่มีประกัน อายุ 10 ปี ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทด้อยสิทธิมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ และผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนก่อนวันครบกำหนดภายหลังจาก ปีที่ 5 เป็นต้นไป แก่นักลงทุนทั่วไปและนักลงทุนประเภทสถาบัน อัตราผลตอบแทนเป็นแบบก้าวหน้า จ่ายอัตราดอกเบี้ยทุก 3 เดือนโดยปีที่ 1-3 จะได้รับอัตราดอกเบี้ยเท่ากับ 5.5% ต่อปี ปีที่ 4-7 อัตราดอกเบี้ย 6.0% ต่อปี และปีที่ 8-10 อัตราดอกเบี้ย 6.5% ต่อปี หรือเฉลี่ยอัตราดอกเบี้ยแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 6% ต่อปี จองซื้อขั้นต่ำ 1 แสนบาท และทวีคูณของ 1 แสนบาท

สำหรับวงเงินจำหน่ายหุ้นกู้ด้อยสิทธิ์ในครั้งนี้กำหนดไว้ไม่เกิน 15,000 ล้านบาท และวงเงินที่ชัดเจนจะรู้ผลในวันที่ 8 มิ.ย.นี้ เพราะต้องรอสำรวจความต้องการ โดยหากสามารถจำหน่ายได้ 15,000 ล้านบาท จะทำให้เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง(บีไอเอส) ปรับเพิ่มขึ้นจาก 10.51 % เป็น 15.2 % และหากจำหน่ายได้ 6,000 ล้านบาท บีไอเอส จะเพิ่มขึ้นเป็น 12 % ทั้งนี้ การเพิ่มเงินกองทุนขั้นที่ 2 ในครั้งนี้หากจำหน่ายหุ้นกู้ได้ 6,000 ล้านบาท สามารถรองรับการขยายสินเชื่อได้ 75,000 ล้านบาท และหากจำหน่ายได้ 12,000 ล้านบาท สามารถรองรับการขยายสินเชื่อ 150,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ เงินกองทุนที่เพิ่มขึ้นสามารถรองรับการทำธุรกิจของธนาคาร 3-5 ปี โดยธนาคารจะเปิดขาย "หุ้นกู้ด้อยสิทธิธนาคารนครหลวงไทย" ระหว่างวันที่ 15-18 มิถุนายน 2552 ผ่านสาขาของธนาคารทั้ง 409 สาขาทั่วประเทศ โดยบริษัท ทริส คอร์ปอเรชั่น จำกัด (TRIS) ได้จัดอันดับความน่าเชื่อถือองค์กรในระดับ A ส่วนอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้อยู่ที่ระดับ A- (A ลบ) ซึ่งเป็นระดับน่าลงทุน (Investment Grade) และมีแนวโน้มระดับเครดิตในระดับ คงที่ พร้อมทั้งมีบริษัทหลักทรัพย์นครหลวงไทย จำกัด เป็นผู้ขายหุ้นกู้ (underwriter) ส่วนธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นนายทะเบียน ขณะที่ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้

"การเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิเป็นส่วนหนึ่งของแผนบริหารเงินกองทุนของธนาคาร ซึ่งต่อเนื่องมาจากผลการศึกษาโดยบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน ที่ให้ข้อสังเกตว่าแม้ธนาคารจะมีระดับเงินกองทุนที่เพียงพอ แต่ยังมีสัดส่วนของเงินกองทุนขั้นที่ 2 ไม่สูง และยังสามารถขยายเงินกองทุนขั้นที่ 2 ได้อีกมาก ซึ่งที่ประชุมผู้ถือหุ้นของธนาคารเมื่อเดือนเมษายน 2552 ที่ผ่านมา ได้มีมติให้ธนาคารสามารถออกหุ้นกู้ในวงเงินทั้งหมดไม่เกิน 8 หมื่นล้านบาท โดยปัจจุบันบีไอเอสของธนาคารอยู่ที่ 10.51% แบ่งเป็นเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงขั้นที่ 1 เท่ากับ 9.8% ส่วนเงินกองทุนขั้นที่ 2 เท่ากับ 0.71% ธนาคารจึงยังสามารถขยายส่วนของเงินกองทุนขั้นที่ 2 ได้อีก 3-4%"

นายชัยวัฒน์ กล่าวอีกว่า เศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง ปัจจัยที่ต้องติดตามมี 3 ประเด็นใหญ่ได้แก่ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ขณะนี้ต้องยอมรับว่ามีสัญญาณที่ดีขึ้น แต่การฟื้นตัวยังต้องใช้เวลา และต้องติดตามปัจจัยที่เข้ามามีผลกระทบ ภาวะเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจภูมิภาคเอเชีย ซึ่งสถาบันการเงินในประเทศไทยขณะนี้มีความแข็งแรงอยู่ในเกณฑ์ที่ดีพอใช้ถึงเกณฑ์ดี และไม่มีปัญหาในด้านสภาพคล่อง
แต่สิ่งที่เป็นปัญหาคือการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เห็นได้จากสินเชื่อที่หดตัวลง รวมทั้งตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ยังคงหดตัวอยู่

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องความเชื่อมั่นในการลงทุนและเสถียรภาพของการเมืองในปัจจุบัน โดยจะส่งผลดีต่อโครงการเมกะโปรเจกต์ต่างๆโดยหากในภาคการเมืองมีความสงบลงจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจดีขึ้น แต่หากมีปัจจัยการเมืองเข้ามาส่งผลกระทบอีก ความเชื่อมั่นของนักลงทุนจะมีปัญหาขึ้นมาทันที โดยนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยมีการเคลื่อนย้ายเข้าออกเร็ว หากมีปัญหาทางการเมืองขึ้นมาอีก เม็ดเงินจากต่างชาติจะไหลออกทันที
กำลังโหลดความคิดเห็น