ตราสารหนี้ออสเตรเสียมาแรง 2 บลจ.ชิงจังหวะส่งกองทุนเพิ่มทางเลือกให้ลูกค้า “ไทยพาณิชย์” ลุยตราสารหนี้ระยะสั้นและเงินฝากสกุลเงินออสเตรเลีย ดักรอผลตอบแทนจากแนวโน้มค่าเงินออสซี่ปรับตัวขึ้น มั่นใจสัญญาณเศรษฐกิจฟื้น ดอกเบี้ยสูงจูงใจ ด้าน “ทิสโก้” โดดลงทุนพันธบัตรออสเตรเลีย ล็อกเงินลงทุน 1 ปี 3 เดือน ชูลูกเล่น รับเงินต้นคืนพร้อมผลตอบแทนก่อนครบอายุ ไอพีโอถึง 25 พ.ค.นี้ ทั้ง 2 กอง
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงนี้บริษัทได้เปิดขายกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศพร้อมกัน 3 กองทุนด้วยกัน ซึ่งประกอบด้วย กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ระยะสั้นและเงินฝากสกุลเงินออสเตรเลีย (SCBAUD) มูลค่ากองทุน 5,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังจะเปิดขายกองทุนเพื่อลงทุนในประเทศเกาหลีใต้อีก 2 กองทุน นั่นคือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ฟอร์เรน โนท 1Y15 (SCBFRN1Y15) อายุประมาณ 1 ปี ขนาดกองทุน 3,500 ล้านบาท และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ฟอร์เรน โนท 9M1 (SCBFRN9M1) อายุประมาณ 9 เดือน ขนาดกองทุน 1,500 ล้านบาท
สำหรับสาเหตุที่เลือกเปิดขายกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ของออสเตรเสียนั้น นางโชติกากล่าวว่า จุดเด่นของกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ระยะสั้นและเงินฝากสกุลเงินออสเตรเลีย อยู่ที่นักลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนในรูปเงินออสเตรเลียดอลลาร์ และยังมีสภาพคล่องสูงเนื่องจากสามารถซื้อขายสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ จึงเหมาะกับผู้ต้องการกระจายความเสี่ยงไปยังต่างประเทศและต้องการความมั่นคงในเงินต้นสกุลออสเตรเลียดอลลาร์ ตลอดจนผู้ที่มีภาระค่าใช้จ่ายเงินสกุลดังกล่าวในอนาคต
โดยกองทุนจะมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นชั้นดีสกุลเงินออสเตรเลียดอลลาร์ เช่น T-Bill, ECP, Money Market Fund ในสัดส่วน 55-60% ส่วนที่เหลือประมาณ 40-45% จะลงทุนในเงินฝากระยะสั้นสกุลเงินออสเตรเลียดอลลาร์ทั้งในและต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ ที่ได้รับการค้ำประกันเงินฝากจากรัฐบาล และได้รับการจัดอันดับจากสถาบันจัดอันดับชั้นนำทั้งมูดดี้ส์ เอสแอนด์พี และ ฟิทช์ เรตติ้งlN ว่า มีความน่าเชื่อถือสูงกว่าประเทศไทย โดยบริษัทไม่ได้ทำการป้องกันความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน
“ปัจจุบันสภาวะเศรษฐกิจของออสเตรเลียมีสัญญาณที่ดีขึ้น เนื่องจากความมั่นใจของผู้บริโภคและนักธุรกิจกำลังฟื้นตัว ขณะที่ค่าเงินออสเตรเลียดอลลาร์ เริ่มมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโรและเงินเยนตั้งแต่ต้นปี 2552 โดยอัตราดอกเบี้ยของประเทศออสเตรเลียอยู่ที่ประมาณ 3% ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา” นางโชติกา กล่าว
ทั้งนี้ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ระยะสั้นและเงินฝากสกุลเงินออสเตรเลีย จะเสนอขายตั้งแต่ 18 - 25 พ.ค.2552 ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท
นางโชติกา กล่าวต่อว่า สำหรับกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ฟอร์เรน โนท 1Y15 และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ฟอร์เรน โนท 9M1 จะเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลหรือพันธบัตรธนาคารแห่งชาติเกาหลีใต้ เท่านั้น ซึ่งถือเป็นตราสารหนี้ที่มีคุณภาพและให้ผลตอบแทนดีกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก และยังได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือสูงกว่าประเทศไทยเช่นกัน โดยบริษัทได้ทำการซื้อขายสัญญาล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวนทั้ง 2 กองทุน และจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติเพียงครั้งเดียวเมื่อครบอายุกองทุน
สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจของเกาหลีใต้มองว่า ขณะนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ฟื้นเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ และนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เองก็มองว่า เกาหลีใต้พ้นจุดต่ำสุดมาแล้ว เนื่องจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว ขณะที่ภาคส่งออกได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และค่าเงินวอนมีแนวโน้มแข็งค่ามากขึ้น ประกอบกับเงินสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ทั้งนี้ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ฟอร์เรน โนท 1Y15 และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ฟอร์เรน โนท 9M1 จะเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งเดียวระหว่างวันที่ 19-25 พ.ค.นี้ จองซื้อขั้นต่ำเพียง 10,000 บาท
ด้าน นายพิชา รัตนธรรม หัวหน้าธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้ บลจ.ทิสโก้ อยู่ระหว่างการเสนอขายกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ของประเทศออสเตรเลียเช่นกัน นั่นคือ กองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรออสเตรเลีย สเปเชี่ยล ฟันด์ (TISCO Special Australia Bond Fund) ซึ่งกองทุนดังกล่าว เป็นกองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีเครดิตเรตติ้งหรืออันดับความน่าเชื่อถือสูงที่สุด คือ AAA มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท และอายุโครงการประมาณ 1 ปี 3 เดือน
สำหรับกองทุนนี้จะมีเงื่อนไขพิเศษ คือ สามารถเลิกกองทุนและรับเงินต้นคืนพร้อมผลตอบแทนได้ก่อนครบอายุโครงการ หากหน่วยลงทุน (NAV) มีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 11 บาท หรือเพิ่มขึ้น 10% ณ วันทำการใดภายในระยะเวลาลงทุน ซึ่งจะช่วยผู้ถือหน่วยได้เพิ่มผลประโยชน์มากขึ้นและไม่ต้องติดตามการลงทุนด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกองทุนดังกล่าวจะลงทุนในรูปสกุลเงินดอลล่าร์ออสเตรเลีย ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนจึงมีผลกระทบต่อผลตอบแทนจากการลงทุนด้วย
“จุดเด่นของกองทุนนี้ คือ ปกติกองตราสารหนี้ทั่วไปที่ผู้ลงทุนต้องถือจนครบอายุโครงการจึงจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน แต่สำหรับกองทุนนี้เราเพิ่มเงื่อนไขเข้ามาเพื่อช่วยให้นักลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนตามเป้าหมายเร็วขึ้น โดยกองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรออสเตรเลีย สเปเชี่ยล ฟันด์ จะเปิดโอกาสให้กองทุนได้กำไรจากการปรับราคาทรัพย์สินที่ลงทุนให้สะท้อนถึงราคาทรัพย์สินในปัจจุบันที่มีการซื้อขายอยู่ในตลาด หรือที่เรียกว่า Mark to Market ด้วย” นายพิชา กล่าว
นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงนี้บริษัทได้เปิดขายกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศพร้อมกัน 3 กองทุนด้วยกัน ซึ่งประกอบด้วย กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ระยะสั้นและเงินฝากสกุลเงินออสเตรเลีย (SCBAUD) มูลค่ากองทุน 5,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังจะเปิดขายกองทุนเพื่อลงทุนในประเทศเกาหลีใต้อีก 2 กองทุน นั่นคือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ฟอร์เรน โนท 1Y15 (SCBFRN1Y15) อายุประมาณ 1 ปี ขนาดกองทุน 3,500 ล้านบาท และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ฟอร์เรน โนท 9M1 (SCBFRN9M1) อายุประมาณ 9 เดือน ขนาดกองทุน 1,500 ล้านบาท
สำหรับสาเหตุที่เลือกเปิดขายกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ของออสเตรเสียนั้น นางโชติกากล่าวว่า จุดเด่นของกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ระยะสั้นและเงินฝากสกุลเงินออสเตรเลีย อยู่ที่นักลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนในรูปเงินออสเตรเลียดอลลาร์ และยังมีสภาพคล่องสูงเนื่องจากสามารถซื้อขายสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนได้ทุกวันทำการ จึงเหมาะกับผู้ต้องการกระจายความเสี่ยงไปยังต่างประเทศและต้องการความมั่นคงในเงินต้นสกุลออสเตรเลียดอลลาร์ ตลอดจนผู้ที่มีภาระค่าใช้จ่ายเงินสกุลดังกล่าวในอนาคต
โดยกองทุนจะมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้นชั้นดีสกุลเงินออสเตรเลียดอลลาร์ เช่น T-Bill, ECP, Money Market Fund ในสัดส่วน 55-60% ส่วนที่เหลือประมาณ 40-45% จะลงทุนในเงินฝากระยะสั้นสกุลเงินออสเตรเลียดอลลาร์ทั้งในและต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ ที่ได้รับการค้ำประกันเงินฝากจากรัฐบาล และได้รับการจัดอันดับจากสถาบันจัดอันดับชั้นนำทั้งมูดดี้ส์ เอสแอนด์พี และ ฟิทช์ เรตติ้งlN ว่า มีความน่าเชื่อถือสูงกว่าประเทศไทย โดยบริษัทไม่ได้ทำการป้องกันความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน
“ปัจจุบันสภาวะเศรษฐกิจของออสเตรเลียมีสัญญาณที่ดีขึ้น เนื่องจากความมั่นใจของผู้บริโภคและนักธุรกิจกำลังฟื้นตัว ขณะที่ค่าเงินออสเตรเลียดอลลาร์ เริ่มมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินยูโรและเงินเยนตั้งแต่ต้นปี 2552 โดยอัตราดอกเบี้ยของประเทศออสเตรเลียอยู่ที่ประมาณ 3% ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา” นางโชติกา กล่าว
ทั้งนี้ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ตราสารหนี้ระยะสั้นและเงินฝากสกุลเงินออสเตรเลีย จะเสนอขายตั้งแต่ 18 - 25 พ.ค.2552 ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท
นางโชติกา กล่าวต่อว่า สำหรับกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ฟอร์เรน โนท 1Y15 และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ฟอร์เรน โนท 9M1 จะเน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลหรือพันธบัตรธนาคารแห่งชาติเกาหลีใต้ เท่านั้น ซึ่งถือเป็นตราสารหนี้ที่มีคุณภาพและให้ผลตอบแทนดีกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก และยังได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือสูงกว่าประเทศไทยเช่นกัน โดยบริษัทได้ทำการซื้อขายสัญญาล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวนทั้ง 2 กองทุน และจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติเพียงครั้งเดียวเมื่อครบอายุกองทุน
สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจของเกาหลีใต้มองว่า ขณะนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ฟื้นเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ และนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เองก็มองว่า เกาหลีใต้พ้นจุดต่ำสุดมาแล้ว เนื่องจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเพิ่มขึ้นมากเมื่อเทียบกับไตรมาสที่แล้ว ขณะที่ภาคส่งออกได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และค่าเงินวอนมีแนวโน้มแข็งค่ามากขึ้น ประกอบกับเงินสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ทั้งนี้ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ฟอร์เรน โนท 1Y15 และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ฟอร์เรน โนท 9M1 จะเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งเดียวระหว่างวันที่ 19-25 พ.ค.นี้ จองซื้อขั้นต่ำเพียง 10,000 บาท
ด้าน นายพิชา รัตนธรรม หัวหน้าธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้ บลจ.ทิสโก้ อยู่ระหว่างการเสนอขายกองทุนที่ลงทุนในตราสารหนี้ของประเทศออสเตรเลียเช่นกัน นั่นคือ กองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรออสเตรเลีย สเปเชี่ยล ฟันด์ (TISCO Special Australia Bond Fund) ซึ่งกองทุนดังกล่าว เป็นกองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีเครดิตเรตติ้งหรืออันดับความน่าเชื่อถือสูงที่สุด คือ AAA มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท และอายุโครงการประมาณ 1 ปี 3 เดือน
สำหรับกองทุนนี้จะมีเงื่อนไขพิเศษ คือ สามารถเลิกกองทุนและรับเงินต้นคืนพร้อมผลตอบแทนได้ก่อนครบอายุโครงการ หากหน่วยลงทุน (NAV) มีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 11 บาท หรือเพิ่มขึ้น 10% ณ วันทำการใดภายในระยะเวลาลงทุน ซึ่งจะช่วยผู้ถือหน่วยได้เพิ่มผลประโยชน์มากขึ้นและไม่ต้องติดตามการลงทุนด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกองทุนดังกล่าวจะลงทุนในรูปสกุลเงินดอลล่าร์ออสเตรเลีย ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนจึงมีผลกระทบต่อผลตอบแทนจากการลงทุนด้วย
“จุดเด่นของกองทุนนี้ คือ ปกติกองตราสารหนี้ทั่วไปที่ผู้ลงทุนต้องถือจนครบอายุโครงการจึงจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน แต่สำหรับกองทุนนี้เราเพิ่มเงื่อนไขเข้ามาเพื่อช่วยให้นักลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนตามเป้าหมายเร็วขึ้น โดยกองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรออสเตรเลีย สเปเชี่ยล ฟันด์ จะเปิดโอกาสให้กองทุนได้กำไรจากการปรับราคาทรัพย์สินที่ลงทุนให้สะท้อนถึงราคาทรัพย์สินในปัจจุบันที่มีการซื้อขายอยู่ในตลาด หรือที่เรียกว่า Mark to Market ด้วย” นายพิชา กล่าว