xs
xsm
sm
md
lg

TTA ขายเรือเก่าลดอายุรวม ช่วยคุมควบค่าใช้จ่ายธุรกิจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“โทรีเซนไทยฯ”เดินหน้าลดอายุกองเรือ ยอมขาดทุนทางบัญชีตัดขายเรือเก่า “ทอร์ เทรดเดอร์” เพื่อนำไปตัดเป็นเศษซากในราคาเพียง 81 ล้านบาท จากมูลค่าตามบัญชี 89 ล้าน เพื่อนำเงินไปซื้อเรือลำใหม่ หรือเซ๊งต่อเรือมือสองที่อายุน้อยกว่า รวมทั้งควบคุมค่าใช้จ่าย โบรกฯแนะลงทุนหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง ช่วงราคาน้ำมันอ่อนตัว ชี้พฤษภาคมนี้มีโอกาสเห็นค่าระวางปรับตัวเพิ่ม เชียร์หุ้นเดินเรือ TTA และ PSL เจ๋ง!

ม.ร.ว. จันทรแรมศิริโชค จันทรทัต ประธานกรรมการ บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA เปิดเผยว่า บริษัทฯได้ขายเรือ ทอร์ เทรดเดอร์ เพื่อนำไปตัดเป็นเศษซาก โดยเรือดังกล่าวมีบริษัท ทอร์ เทรดเดอร์ ชิปปิ้ง จำกัด เป็นเจ้าของซึ่งเป็นบริษัทแห่งนี้เป็นบริษัทย่อยที่TTA ถือหุ้นร้อยละ 99.99 ซึ่งวันส่งมอบเรือให้ผู้ซื้อคือวันที่ 21 เมษายนที่ผ่านมา

สำหรับผู้ซื้อเรือดังกล่าว คือ Shasta Shipping Limited, Gibraltar ซึ่งยืนยันว่าไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย โดย เรือทอร์ เทรดเดอร์ เป็นเรือบรรทุกสินค้าทั่วไป ขนาดระวางบรรทุก 24,126 เดทเวทตัน สร้างในปี พ.ศ. 2528 ซึ่งราคาขายเรือเพื่อนำไปตัดเป็นเศษซาก มีมูลค่าเท่ากับ 2,279,145.00 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา หรือเป็นเงินไทยจำนวน 81,041,382.08 บาท (อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา เท่ากับ 35.5578 บาท) โดยที่ราคาขายเป็นไปตามราคาตลาด ณ ปัจจุบัน

ส่วนมูลค่าตามบัญชีของเรือทอร์ เทรดเดอร์ รวมค่าใช้จ่ายในการเข้าอู่แห้ง ค่าวัสดุอุปกรณ์และอะไหล่ ณ วันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2552 เป็นเงินประมาณ 89.2 ล้านบาท เมื่อหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการขายเรือลำดังกล่าวและค่านายหน้าแล้ว จะขาดทุนในทางบัญชีจากการขายเรือลำนี้ประมาณ 10.5 ล้านบาท

นอกจากนี้ หลังจากขายเรือ ทอร์ เทรดเดอร์ เพื่อนำไปตัดเป็นเศษซากแล้ว กองเรือของกลุ่มบริษัทโทรีเซนจะเหลือ 40 ลำ ขนาดระวางบรรทุกเฉลี่ย 29,206 เดทเวทตัน อายุเฉลี่ยของกองเรือ 19.21 ปี

อย่างไรก็ตาม การขายเรือดังกล่าวเป็นไปตามสถานการณ์ของธุรกิจเรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกองในปัจจุบัน ซึ่งเรือเก่าจะแข่งขันในตลาดได้น้อยลงและควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการดำเนินงานยากขึ้น ดังนั้นคณะกรรมการของบริษัท ทอร์ เทรดเดอร์ ชิปปิ้ง จำกัด จึงเห็นควรให้ขายเรือดังกล่าว โดยจะนำเงินที่ได้จากการขายเรือมาเพื่อการสั่งต่อเรือใหม่ตามโครงการสั่งต่อเรือใหม่ของบริษัทฯ หรือเพื่อการซื้อเรือมือสองที่มีอายุน้อยลง

ขณะเดียวกัน เงินที่ได้รับจากการขายเรือ ทอร์ เทรดเดอร์ คิดเป็นเงินรวม 2,279,145.00 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา หรือ81,041,382.08 บาทนั้นขนาดของรายการดังกล่าวคิดเป็นร้อยละ 0.195 ของมูลค่าสินทรัพย์รวมของTTA และบริษัทย่อย ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2551 โดยสินทรัพย์รวมในช่วงเวลาเดียวกันอยู่ที41,496,751,130 บาท

ดังนั้นเมื่อรวมรายการดังกล่าวกับรายการจำหน่ายสินทรัพย์อื่นๆ ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมาของTTA และบริษัทย่อยแล้ว การทำรายการในครั้งนี้ไม่เข้าข่ายตามประกาศตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการ และการเปิดเผยรายการที่เกี่ยวโยงกันของบริษัทจดทะเบียน และไม่เข้าข่ายตามประกาศตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเรื่องหลักเกณฑ์ วิธีการ และการเปิดเผยเกี่ยวกับการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียน

เมื่อเร็วๆนี้ บล.เอเชียพลัส ได้จัดทำบทวิเคราะห์ ว่าแม้ว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกจะอ่อนตัวลงสู่ระดับ 46.72 เหรียญฯต่อบาร์เรล หรือลดลงราว 7.6% จากระดับสูงสุดในสัปดาห์นี้ ซึ่งเกิดจากการทำกำไร สถานการณ์ดังกล่าวอาจทำให้หุ้นในกลุ่มน้ำมัน และกลุ่มที่เกี่ยวเนื่องกับสินค้าโภคภัณฑ์ อาจอ่อนตัวลง ซึ่งนักลงทุนอาจถือเป็นโอกาสในการเลือกลงทุนหุ้นที่มีความแข็งแรงทางการเงิน และราคาหุ้นต่ำกว่า Fair Value เช่น TTA, PSL หรืออาจเป็นหุ้นในกลุ่มน้ำมันเช่น PTT และPTTEP

พร้อมกันนี้ สัญญาการสั่งซื้อสินแร่เหล็กของจีนจะหมดลงในช่วงปลายเดือนเมษายนนี้ ประกอบกับราคาซื้อสินแร่เหล็กตามสัญญาดังกล่าวสูงกว่าราคาตลาดปัจจุบันถึง 40% ส่งผลให้จีนต้องชะลอการนำเข้าเหล็กตั้งแต่กลางเดือน มี.ค. นี้ เพื่อกดดันการเจรจาต่อสัญญาซื้อสินแร่เหล็กเพื่อให้ได้ราคาเท่ากับตลาดปัจจุบัน ส่งผลให้ดัชนี BDI ปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุดมาอยู่ที่จุดต่ำสุดที่ 1,463 จุด เมื่อวันที่ 8 เม.ย. นี้

ทำให้ ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าการเจรจาต่อสัญญาซื้อสินแร่เหล็กของจีนจะเสร็จสิ้นก่อนสิ้นเดือนเม.ย. นี้ สังเกตได้จากข้อมูลในอดีตย้อนหลัง 3 ปี พบว่าดัชนี BDI มีปรับตัวขึ้นต่อเนื่องถึงช่วงเดือนพ.ค. หลังจากที่จีนต่อสัญญาสั่งซื้อสินแร่เหล็กสำเร็จในเดือนเม.ย. จึงมั่นใจว่าดัชนี BDI จะกลับมาฟื้นตัวกลับมายืนเหนือ 2 พันจุดอีกครั้งในช่วงเดือน พ.ค. ที่จะถึงนี้ นอกจากนี้พื้นฐานหุ้นเรือเทกองในตลาดหลักทรัพย์ไทยทั้ง 2 ตัวคือ TTA, PSL ถือว่าแข็งแกร่งมาก คือ มีสถานะเงินสุทธิเกิน 3 พันล้านบาท และมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานบวกกันเงินสดในมือเพียงที่จะสามารถชำระหนี้ระยะสั้นได้ รวมทั้งมีการปรับกลยุทธ์ทยอยปลดระวางเรือเก่าจำนวนมากที่มีอายุมากกว่า 25 ปี พร้อมยกเลิกเรือเช่าเมื่อครบอายุสัญญา เพื่อลดค่าใช้จ่าย อาทิ ค่าซ่อมบำรุง และค่าลูกเรือ และทำให้ปริมาณการขนส่งสอดคล้องกับกำลังการให้บริการในช่วงธุรกิจชะลอตัวเช่นปัจจุบัน และมีแผนสั่งต่อซื้อใหม่มีรองรับธุรกิจฟื้นตัวในอนาคตอีกด้วย

ดังนั้น ธุรกิจเดินเรือเทกองถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ฝ่ายวิจัยฯ คัดกรองให้เป็นธุรกิจที่มีสถานะการเงินแข็งแกร่งสุด บวกกับคาดว่าดัชนี BDI กำลังจะฟื้นตัวกลับมายืนเหนือ 2 พันจุดอีกครั้ง จึงคงน้ำหนักการลงทุนน “เท่ากับตลาด” และแนะนำ “ซื้อ” TTA โดยมี Fair Value ที่ 21.30 บาท และแนะนำ “ซื้อ” PSLโดยมี Fair Value ที่ 15.20 บาท
กำลังโหลดความคิดเห็น