มหาดไทยออกประกาศต่ออายุมาตรการภาษีอสังหาฯ แบบฉิวเฉียด 26 มี.ค. บังคับใช้ 29 มี.ค.52 ขณะที่หมดอายุในวันที่ 28 มี.ค.นี้ สั่งทุกจังหวัดดำเนินการต่อ ยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะอยู่ระหว่างประสานงานกรมสรรพากร ให้พนักงานจัดเก็บอัตราปกติไปก่อน แนะเอกชนขอคืนภาษีภายหลัง อสังหาฯหนุนระบุช่วยลดค่าใช้จ่าย เชื่อยอดโอนหลัง 29 มี.ค.ทะลัก
นายเชาวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงฯได้ออกประกาศ 4 ฉบับ เรื่องการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ตามประมวลกฎหมายที่ดิน (ประกาศ ณ วันที่ 26 มี.ค.52) โดยครม.ได้มีมติเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.51 และ มติเมื่อวันที่ 17 มี.ค.52 ให้ลดการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิ และนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดินในการโอนและการจำนองอสังหาฯที่ได้รับอนุญาตจัดสรรที่ดินตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดิน ทั้งนี้ เพื่อความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ และเป็นการสนับสนุนให้มีการซื้อขายอสังหาฯ ซึ่งจะทำให้การประกอบธุรกิจอสังหาฯ ฟื้นตัวเร็วขึ้น
ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปตามมติ ครม.ดังกล่าว รมว.มหาดไทย จึงออกประกาศไว้ดังต่อไปนี้
ฉบับที่ 1 กรณีอสังหาฯ ที่ได้รับอนุญาตจัดสรรที่ดิน ตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดินตามหลักเกณฑ์ที่ครม.กำหนด 1.ให้เรียกเก็บค่าจดทะเบียนการโอน และค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาฯร้อยละ 0.01 สำหรับกรณีการซื้อขายอสังหาฯ
ฉบับที่ 2 เรื่องการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ตามประมวลกฎหมายที่ดิน กรณีอสังหาฯ ที่เป็นอาคารที่อยู่อาศัย ให้เรียกเก็บค่าจดทะเบียนการโอน และค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาฯร้อยละ 0.01 สำหรับกรณีการซื้อขายอสังหาฯที่เป็นอาคารที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ หรืออาคารดังกล่าวพร้อมที่ดินซึ่งมีเนื้อที่ไม่เกิน 1 ไร่ และมิใช่ที่ดินตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดิน หรือที่ดำเนินการจัดสรรที่ดินโดยทางราชการหรือองค์การของรัฐบาลซึ่งมีอำนาจหน้าที่การจัดสรรที่ดินตามกฎหมายกำหนด
ฉบับที่ 3 กรณีอสังหาฯประเภทอาคารสำนักงาน ให้เรียกเก็บค่าจดทะเบียนการโอนอสังหาฯประเภทอาคารสำนักงานร้อยละ 0.01 สำหรับกรณีการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ประเภทอาคารสำนักงาน โดยอาคารสำนักงานต้องเป็นอาคาร หรืออาคารพร้อมที่ดินที่ได้รับใบอนุญาตให้ก่อสร้างหรือใบรับแจ้งการก่อสร้างเป็นอาคารสำนักงานตามกฎหมาย ว่าด้วยควบคุมอาคาร
ฉบับที่ 4 กรณีการซื้อขายห้องชุด ให้เรียกเก็บร้อยละ0.01 โดยประกาศดังกล่าวให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 29 มี.ค.52 ถึงวันที่ 29 มี.ค.53
นายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลวุฒิ อธิบดีกรมที่ดิน กล่าวว่า กรมที่ดินส่งประกาศกระทรวงมหาดไทยดังกล่าว ไปถึงผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด ให้ขยายเวลาการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิ และนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน และห้องชุดตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด ในกรณีสนับสนุนการซื้อขายอสังหาฯออกไปอีก 1 ปี จนถึงวันที่ 28 มี.ค.53
สำหรับการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ เนื่องจากพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่า ด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ 427) พ.ศ. 2551 กำหนดให้ลดอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะเหลือร้อยละ 0.11 (รวมภาษีท้องถิ่น) จนถึงวันที่ 28 มี.ค.52 ดังนั้น การจดทะเบียนโอนอสังหาฯและห้องชุดภายหลังจากวันที่ 28 มี.ค.52 เป็นต้นไป พนักงานเจ้าหน้าที่จึงต้องเรียกเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะในอัตราปกติไว้ก่อน
อย่างไรก็ดี จากการประสานงานกับกรมสรรพากรได้รับแจ้งว่า อยู่ระหว่างดำเนินการ เพื่อไม่ให้ผู้ขอเสียสิทธิประโยชน์ในทางภาษีธุรกิจเฉพาะ ในการจดทะเบียนฯ จึงให้พนักงานเจ้าหน้าที่แนะนำผู้ขอจดทะเบียนไปติดต่อขอคืนภาษีธุรกิจเฉพาะที่กรมสรรพากรหรือสำนักงานสรรพากรพื้นที่
อสังหาฯหนุนต่อภาษีกระตุ้นกำลังซื้อ
นายรัตนชัย ผาตินาวิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ESTAR กล่าวสนับสนุนในเรื่องที่รัฐบาลได้ต่อมาตรการภาษีอสังหาฯ ซึ่งจะสิ้นสุด 28 มี.ค.นี้ว่า เป็นเรื่องที่ดี เพราะมาตรการดังกล่าว จะส่งเสริมและช่วยเหลือทั้งผู้ประกอบการ และผู้ซื้อให้มีภาระค่าใช้จ่ายที่ลดลง และเป็นวิธีการที่จะช่วยกระตุ้นให้ผู้ที่คิดจะซื้อบ้านได้ตัดสินใจเร็วขึ้น เนื่องจากในความเป็นจริงแล้ว ความต้องการซื้อ (ดีมานด์) ที่อยู่อาศัยในตลาดมีอยู่จำนวนมาก เพียงแต่ต้องกระตุ้นให้กลุ่มผู้ซื้อเหล่านี้ เกิดการใช้จ่าย
"ภาระของผู้ประกอบการ และผู้ซื้อลดลงแน่ ยิ่งในภาวะเช่นนี้แล้ว ต้องกระตุ้น ต้องช่วยกัน เพื่อให้ภาพรวมของตลาดอสังหาฯ เกิดการเคลื่อนไหวและมีบรรยากาศที่ดีขึ้น ซึ่งความต่อเนื่องของมาตรการภาษีจะเพิ่มกำลังซื้อให้ลูกค้า เช่น ซื้อบ้านราคา 1 ล้านบาท ประหยัดค่าใช้จ่ายลงไปถึง 60,000 กว่าบาท ส่วนนี้ลูกค้าสามารถนำเงินไปจับจ่ายใช้สอยซื้อเฟอร์นิเจอร์ได้ "
นอกจากนี้แล้ว รัฐบาลยังมีมาตรการเสริมตลาดอสังหาฯไปก่อนหน้านี้ คือ ผู้ที่กู้ซื้อบ้านและหรือโอนบ้านในปี 52 สามารถนำค่าใช้จ่ายเงินกู้มาหักลดหย่อนภาษีได้เพิ่มขึ้นอีก จากเดิมที่มีเพียงการนำค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยได้ไม่เกิน 1 แสนบาทต่อปีมาหักลดหย่อน เพิ่มเติมด้วยการหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ให้นำเงินต้นจากการกู้ซื้อบ้านในปี 52 มาหักค่าลดหย่อนได้ไม่เกิน 3 แสนบาท
นายรัตนชัย กล่าวว่า หากมีความเป็นไปได้ รัฐบาลน่าจะขยายเพดานการหักลดหย่อนภาษีดอกเบี้ย และเงินต้นเพิ่มขึ้นอีก เช่น สามารถหักลดหย่อนเงินต้นได้เป็น 6 แสนบาท และดอกเบี้ยเพิ่มเป็น 2 แสนบาท เนื่องจากบ้านเป็นปัจจัย 4 ที่สำคัญต่อการดำรงชีพของประชาชน ขณะที่ผู้ที่มีเงินออมที่ไปซื้อกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ได้รับสิทธิ์หักลดหย่อนภาษีสูงถึงกองละ 7 แสนบาท (เฉพาะที่ซื้อหน่วยลงทุนช่วงระหว่างเดือนต.ค.-ธ.ค.) ก่อนหน้านี้จะได้รับสิทธิหักลดหย่อนภาษีสูงสุดกองละ 5 แสนบาท
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ภาคอสังหาฯ ต่างมีความกังวลว่ามาตรการดังกล่าวจะไม่สามารถต่ออายุได้ทันวันที่ 28 มี.ค.52 และจะทำให้เกิดสุญญากาศของการซื้อขาย ลูกค้าชะลอโอน แต่เมื่อรัฐบาลได้ประกาศออกมาดังนี้ เชื่อว่า ที่มีการชะลอตัดสินใจจะเร่งการโอนมากยิ่งขึ้น
นายเชาวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงฯได้ออกประกาศ 4 ฉบับ เรื่องการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ตามประมวลกฎหมายที่ดิน (ประกาศ ณ วันที่ 26 มี.ค.52) โดยครม.ได้มีมติเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.51 และ มติเมื่อวันที่ 17 มี.ค.52 ให้ลดการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิ และนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดินในการโอนและการจำนองอสังหาฯที่ได้รับอนุญาตจัดสรรที่ดินตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดิน ทั้งนี้ เพื่อความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ และเป็นการสนับสนุนให้มีการซื้อขายอสังหาฯ ซึ่งจะทำให้การประกอบธุรกิจอสังหาฯ ฟื้นตัวเร็วขึ้น
ดังนั้น เพื่อให้เป็นไปตามมติ ครม.ดังกล่าว รมว.มหาดไทย จึงออกประกาศไว้ดังต่อไปนี้
ฉบับที่ 1 กรณีอสังหาฯ ที่ได้รับอนุญาตจัดสรรที่ดิน ตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดินตามหลักเกณฑ์ที่ครม.กำหนด 1.ให้เรียกเก็บค่าจดทะเบียนการโอน และค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาฯร้อยละ 0.01 สำหรับกรณีการซื้อขายอสังหาฯ
ฉบับที่ 2 เรื่องการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม ตามประมวลกฎหมายที่ดิน กรณีอสังหาฯ ที่เป็นอาคารที่อยู่อาศัย ให้เรียกเก็บค่าจดทะเบียนการโอน และค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาฯร้อยละ 0.01 สำหรับกรณีการซื้อขายอสังหาฯที่เป็นอาคารที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว และอาคารพาณิชย์ หรืออาคารดังกล่าวพร้อมที่ดินซึ่งมีเนื้อที่ไม่เกิน 1 ไร่ และมิใช่ที่ดินตามกฎหมายว่าด้วยการจัดสรรที่ดิน หรือที่ดำเนินการจัดสรรที่ดินโดยทางราชการหรือองค์การของรัฐบาลซึ่งมีอำนาจหน้าที่การจัดสรรที่ดินตามกฎหมายกำหนด
ฉบับที่ 3 กรณีอสังหาฯประเภทอาคารสำนักงาน ให้เรียกเก็บค่าจดทะเบียนการโอนอสังหาฯประเภทอาคารสำนักงานร้อยละ 0.01 สำหรับกรณีการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ประเภทอาคารสำนักงาน โดยอาคารสำนักงานต้องเป็นอาคาร หรืออาคารพร้อมที่ดินที่ได้รับใบอนุญาตให้ก่อสร้างหรือใบรับแจ้งการก่อสร้างเป็นอาคารสำนักงานตามกฎหมาย ว่าด้วยควบคุมอาคาร
ฉบับที่ 4 กรณีการซื้อขายห้องชุด ให้เรียกเก็บร้อยละ0.01 โดยประกาศดังกล่าวให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 29 มี.ค.52 ถึงวันที่ 29 มี.ค.53
นายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลวุฒิ อธิบดีกรมที่ดิน กล่าวว่า กรมที่ดินส่งประกาศกระทรวงมหาดไทยดังกล่าว ไปถึงผู้ว่าฯ ทุกจังหวัด ให้ขยายเวลาการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิ และนิติกรรมตามประมวลกฎหมายที่ดิน และห้องชุดตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุด ในกรณีสนับสนุนการซื้อขายอสังหาฯออกไปอีก 1 ปี จนถึงวันที่ 28 มี.ค.53
สำหรับการยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ เนื่องจากพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่า ด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ 427) พ.ศ. 2551 กำหนดให้ลดอัตราภาษีธุรกิจเฉพาะเหลือร้อยละ 0.11 (รวมภาษีท้องถิ่น) จนถึงวันที่ 28 มี.ค.52 ดังนั้น การจดทะเบียนโอนอสังหาฯและห้องชุดภายหลังจากวันที่ 28 มี.ค.52 เป็นต้นไป พนักงานเจ้าหน้าที่จึงต้องเรียกเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะในอัตราปกติไว้ก่อน
อย่างไรก็ดี จากการประสานงานกับกรมสรรพากรได้รับแจ้งว่า อยู่ระหว่างดำเนินการ เพื่อไม่ให้ผู้ขอเสียสิทธิประโยชน์ในทางภาษีธุรกิจเฉพาะ ในการจดทะเบียนฯ จึงให้พนักงานเจ้าหน้าที่แนะนำผู้ขอจดทะเบียนไปติดต่อขอคืนภาษีธุรกิจเฉพาะที่กรมสรรพากรหรือสำนักงานสรรพากรพื้นที่
อสังหาฯหนุนต่อภาษีกระตุ้นกำลังซื้อ
นายรัตนชัย ผาตินาวิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ESTAR กล่าวสนับสนุนในเรื่องที่รัฐบาลได้ต่อมาตรการภาษีอสังหาฯ ซึ่งจะสิ้นสุด 28 มี.ค.นี้ว่า เป็นเรื่องที่ดี เพราะมาตรการดังกล่าว จะส่งเสริมและช่วยเหลือทั้งผู้ประกอบการ และผู้ซื้อให้มีภาระค่าใช้จ่ายที่ลดลง และเป็นวิธีการที่จะช่วยกระตุ้นให้ผู้ที่คิดจะซื้อบ้านได้ตัดสินใจเร็วขึ้น เนื่องจากในความเป็นจริงแล้ว ความต้องการซื้อ (ดีมานด์) ที่อยู่อาศัยในตลาดมีอยู่จำนวนมาก เพียงแต่ต้องกระตุ้นให้กลุ่มผู้ซื้อเหล่านี้ เกิดการใช้จ่าย
"ภาระของผู้ประกอบการ และผู้ซื้อลดลงแน่ ยิ่งในภาวะเช่นนี้แล้ว ต้องกระตุ้น ต้องช่วยกัน เพื่อให้ภาพรวมของตลาดอสังหาฯ เกิดการเคลื่อนไหวและมีบรรยากาศที่ดีขึ้น ซึ่งความต่อเนื่องของมาตรการภาษีจะเพิ่มกำลังซื้อให้ลูกค้า เช่น ซื้อบ้านราคา 1 ล้านบาท ประหยัดค่าใช้จ่ายลงไปถึง 60,000 กว่าบาท ส่วนนี้ลูกค้าสามารถนำเงินไปจับจ่ายใช้สอยซื้อเฟอร์นิเจอร์ได้ "
นอกจากนี้แล้ว รัฐบาลยังมีมาตรการเสริมตลาดอสังหาฯไปก่อนหน้านี้ คือ ผู้ที่กู้ซื้อบ้านและหรือโอนบ้านในปี 52 สามารถนำค่าใช้จ่ายเงินกู้มาหักลดหย่อนภาษีได้เพิ่มขึ้นอีก จากเดิมที่มีเพียงการนำค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยได้ไม่เกิน 1 แสนบาทต่อปีมาหักลดหย่อน เพิ่มเติมด้วยการหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ให้นำเงินต้นจากการกู้ซื้อบ้านในปี 52 มาหักค่าลดหย่อนได้ไม่เกิน 3 แสนบาท
นายรัตนชัย กล่าวว่า หากมีความเป็นไปได้ รัฐบาลน่าจะขยายเพดานการหักลดหย่อนภาษีดอกเบี้ย และเงินต้นเพิ่มขึ้นอีก เช่น สามารถหักลดหย่อนเงินต้นได้เป็น 6 แสนบาท และดอกเบี้ยเพิ่มเป็น 2 แสนบาท เนื่องจากบ้านเป็นปัจจัย 4 ที่สำคัญต่อการดำรงชีพของประชาชน ขณะที่ผู้ที่มีเงินออมที่ไปซื้อกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ได้รับสิทธิ์หักลดหย่อนภาษีสูงถึงกองละ 7 แสนบาท (เฉพาะที่ซื้อหน่วยลงทุนช่วงระหว่างเดือนต.ค.-ธ.ค.) ก่อนหน้านี้จะได้รับสิทธิหักลดหย่อนภาษีสูงสุดกองละ 5 แสนบาท
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ภาคอสังหาฯ ต่างมีความกังวลว่ามาตรการดังกล่าวจะไม่สามารถต่ออายุได้ทันวันที่ 28 มี.ค.52 และจะทำให้เกิดสุญญากาศของการซื้อขาย ลูกค้าชะลอโอน แต่เมื่อรัฐบาลได้ประกาศออกมาดังนี้ เชื่อว่า ที่มีการชะลอตัดสินใจจะเร่งการโอนมากยิ่งขึ้น
