คลังเล็งชง พ.ร.ก.ขยายเพดานหนี้สาธารณะ 60% ของจีดีพี พร้อมเปิดช่องให้เข้าถึงแหล่งเงินได้ง่าย โดยอนุโลมให้เป็นเครื่องมือระยะสั้นเพียง 2-3 ปี พร้อมปรับเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในโครงการลงทุนร่วมภาครัฐ-เอกชน จาก 5% เป็น 18%
มีรายงานข่าวว่า นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า สบน. เตรียมเสนอพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การกู้เงินพิเศษต่อกระทรวงการคลัง เพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในเร็วๆ นี้ เพื่อเพิ่มอำนาจการกู้ยืมเงินให้มากขึ้น
ทั้งนี้ การกำหนดกรอบฯ ต้องมีเงื่อนไขว่า จะต้องเป็นกรอบชั่วคราว 2 - 3 ปี และต้องเป็นโครงการขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์) ที่รัฐบาลสามารถควบคุมได้ หรือกำหนดให้มีความคล่องตัวในการหาแหล่งเงินทุน ด้วยการอนุมัติกรอบเงินกู้จากต่างประเทศเป็นสกุลเงินดอลลาร์ กู้ในประเทศเป็นสกุลเงินบาท โดยสามารถกู้ได้จากสถาบันการเงิน หรือทำในรูปของตราสาร และต้องมีความคล่องตัวในการใช้จ่าย
โดยเบื้องต้น คาดว่าจะเสนอให้มีการขยายเพดานการก่อหนี้สาธารณะแต่ไม่เกิน ร้อยละ 60 ของตัวเลขการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP ) จากปัจจุบันอยู่ที่ไม่เกิน ร้อยะ 50 ของ GDP
นอกจากนี้ สบน. ยังอยู่ระหว่างการจัดทำแผนการจัดหาแหล่งเงินทุน และแผนลงทุนตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 ของรัฐบาล โดยจะมีการปรับเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในโครงการลงทุนร่วมภาครัฐและเอกชน (PPP) จากร้อยละ 5 เป็น ร้อยละ 18 โดยจะเสร็จภายใน 1 เดือน
มีรายงานข่าวว่า นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า สบน. เตรียมเสนอพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การกู้เงินพิเศษต่อกระทรวงการคลัง เพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในเร็วๆ นี้ เพื่อเพิ่มอำนาจการกู้ยืมเงินให้มากขึ้น
ทั้งนี้ การกำหนดกรอบฯ ต้องมีเงื่อนไขว่า จะต้องเป็นกรอบชั่วคราว 2 - 3 ปี และต้องเป็นโครงการขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์) ที่รัฐบาลสามารถควบคุมได้ หรือกำหนดให้มีความคล่องตัวในการหาแหล่งเงินทุน ด้วยการอนุมัติกรอบเงินกู้จากต่างประเทศเป็นสกุลเงินดอลลาร์ กู้ในประเทศเป็นสกุลเงินบาท โดยสามารถกู้ได้จากสถาบันการเงิน หรือทำในรูปของตราสาร และต้องมีความคล่องตัวในการใช้จ่าย
โดยเบื้องต้น คาดว่าจะเสนอให้มีการขยายเพดานการก่อหนี้สาธารณะแต่ไม่เกิน ร้อยละ 60 ของตัวเลขการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP ) จากปัจจุบันอยู่ที่ไม่เกิน ร้อยะ 50 ของ GDP
นอกจากนี้ สบน. ยังอยู่ระหว่างการจัดทำแผนการจัดหาแหล่งเงินทุน และแผนลงทุนตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 ของรัฐบาล โดยจะมีการปรับเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในโครงการลงทุนร่วมภาครัฐและเอกชน (PPP) จากร้อยละ 5 เป็น ร้อยละ 18 โดยจะเสร็จภายใน 1 เดือน
