xs
xsm
sm
md
lg

บีฟิทพุ่งหลังถูกปลดล็อก ตลท.ไม่เลิกสอบปั่นราคา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เทรดสนั่น! หุ้นบล.บีฟิท นักเก็งกำไรแห่รับขวัญBSEC กว่า 36 ล้าน หลังถูกปลดเครื่องหมาย SP พร้อมคู่กรณีUOBKH ส่วนปมชี้แจงจากทั้งสองฝ่ายยังไม่ชัดเจน ไหลไปได้ทุกทาง ด้านตลาดหลักทรัพย์ฯออกมาตำหนิ ระมัดระวังการให้ข้อมูล จี้รีบแจ้งยามมีข่าวลือ และควรเงียบหากยังไม่มีข้อชัดเจน ส่วนการสอบหุ้นไม่มีการล้มเลิก เตรียมเรียกข้อมูลสอบเพิ่มหลังมีข่าวรีเทิร์น

วานนี้ (17มี.ค.) เวลา 14.00น. ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)ได้ปลดขึ้นเครื่องหมาย "SP" หลักทรัพย์ของบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บีฟิท จำกัด (มหาชน) หรือ BSEC และหลักทรัพย์ของ บล. ยูโอบี เคย์เฮียน(ประเทศไทย) หรือ UOBKH หลังจากข้อมูลเกี่ยวกับการเจรจาตามแผนการเสนอขอร่วมธุรกิจ/ ควบรวมกิจการที่ BSEC และ UOBKH ชี้แจงนั้น ไม่สอดคล้องกัน และ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมนั้น ซึ่งทั้ง 2 บริษัทได้ทำการชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมให้แก่ตลท.แล้ว

นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BSEC ชี้แจ้งเพิ่มเติมว่า ในเรื่องผู้บริหารของบริษัทได้เดินทางไปประเทศสิงคโปร์เพื่อเจรจาเกี่ยวกับการควบรวมกิจการกับUOBKH ซึ่งไม่ตรงกับคำชี้แจงของ UOBKH ต่อตลาดหลักทรัพย์ฯนั้น ทางบริษัทขอชี้แจงว่าหลังจากที่ UOBKH ได้มีจดหมายแจ้งหยุดการดำเนินการตามแผนการเสนอขอร่วมธุรกิจ/ควบรวมกิจการ ลงวันที่ 2 มีนาคม 2552 นั้น ทางผู้บริหารไม่มีการเจรจาเรื่องการควบรวมกิจการกันอีก

โดยนายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ ประธานกรรมการตรวจสอบ ในฐานะผู้แทนของบริษัทในการเจรจาและดำเนินการเกี่ยวกับการควบรวมกิจการยังไม่ได้รับการติดต่อใด ๆ จาก UOBKH ในเรื่องดังกล่าว แต่ได้รับทราบว่าเมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมาว่านายประสิทธิ์ ได้เดินทางไปประเทศสิงคโปร์เป็นการส่วนตัว

ขณะเดียวกัน คณะกรรมการบริษัทยังไม่ได้มีการหารือหรือพิจารณาเรื่องการควบรวมกิจการ อย่างไรก็ตาม การเจรจาหรือหารือจะมีขึ้นต่อไปหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการบริษัทซึ่งได้แต่งตั้งให้นายเวทางค์ เป็นผู้ติดตามการเจรจาและดำเนินการครั้งนี้

ส่วน นาย วิคเตอร์ ยูน ตั๊ค ชอย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม UOBKH กล่าวชี้แจงเพิ่มเติมให้แก่ตลท.ว่าเมื่อสัปดาห์ก่อนผู้บริหารชั้นสูงของบล.บีฟิท 2 ท่านเดินทางมาพบกับประธานบริษัทเป็นการส่วนตัวและมีการพูดคุยในเรื่องทั่วๆ ไป และตั้งแต่วันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมาทางยูโอบีไม่มีการเจรจา เพิ่มเติมเกี่ยวกับแผนการเสนอขอร่วมธุรกิจ/ควบรวมกิจการกับคณะกรรมการของบีฟิทแต่อย่างใด ดังนั้นภายหลังจากวันที่ 2 มีนาคมทางยูโอบีจึงไม่อยู่ในสถานะที่จะยืนยันได้ว่ายูโอบีจะสามารถเริ่มต้นเจรจาอีกครั้งกับบีฟิทเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการเสนอขอร่วมธุรกิจ/ควบรวมกิจการ

ตลท.ลั่นไม่เลิกสอบปั่นราคา

ด้าน นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลท.กล่าวว่า จากกรณีดังกล่าวผู้บริหารของทั้ง2 บริษัทจะต้องมีความระมัดระวังในการชี้แจงข้อมูลให้ชัดเจน เพื่อที่จะไม่ทำให้นักลงทุนมีความสับสนกับข้อมูล เพราะ ในช่วงวันที่ 16 มีนาคม และในช่วงเช้าของวานนี้ (17 มี.ค.)มีการชี้แจงไม่สอดคล้องกันจนทำให้เกิดความสับสนได้

“ในช่วงเช้าของวันที่ 17 มี.ค.บล.บีฟิทมีการชี้แจงเข้ามาแต่ตลาดหลักทรัพย์ฯยังคงขึ้นSP เพื่อรอให้ทางบล.ยูโอบีเคย์เฮียน มีการแจ้งข้อมูลมาก่อนเพื่อให้เกิดความชัดเจนก่อน”นางภัทรียา กล่าว

สำหรับการตรวจสอบการซื้อขายหุ้น บล.บีฟิทในช่วงก่อนที่จะมีข่าวการควบรวมกิจการกับ บล.ยูโอบีฯว่าขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบซึ่งยังไม่เสร็จ และพอมีข่าวว่าทั้ง 2 บริษัทกลับมาเจรจากันอีกนั้นตลาดหลักทรัพย์ฯก็จะมีการเข้าไปตรวจสอบว่ามีการใช้ข้อมูลภายในหรือไม่

ลำดับเหตุการณ์คู่ป่วน

ทั้งนี้ หลังจากที่UOBKH มีจดหมายแจ้งหยุดดำเนินการตามแผนเสนอขอควบรวม ลงวันที่ 2 มี.ค.52ซึ่งปรากฏการชี้แจงในบางช่วงไม่ชัดเจนและไม่สอดคล้องกันว่าได้มีการเข้าพบเพื่อเจรจาเกี่ยวกับการควบรวมกิจการหรือไม่ ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงลำดับเหตุการณ์การชี้แจงสารสนเทศของ UOBKH และ BSEC ในเรื่องแผนการเสนอขอร่วมธุรกิจ/ ควบรวมกิจการ ดังนี้ วันที่ 19 ก.พ. เวลา 09.42น. UOBKH เมื่อ 18 ก.พ. บริษัทได้ส่งหนังสือแจ้งความจำนง ให้กับ BSEC เกี่ยวกับการเสนอการควบรวมกิจการคาดว่าจะทราบผลได้ภายในสิ้นเดือนมิ.ย. (ราคาปิด BSEC 2.16 (+86%จาก13 ก.พ.52)/UOBKH 3.34 (+18%จาก13ก.พ.52))

ต่อมา 24 ก.พ. เวลา 09.32น. BSEC แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการตอบรับการเข้าร่วมศึกษาความเป็นไปได้ของการควบรวมกิจการ และแต่งตั้งให้นายเวทางค์ เป็นผู้แทนของบริษัทในการดำเนินการเกี่ยวกับการควบรวม (ราคาปิด BSEC 2.24 (-2.61%)/UOBKH 3.44 (-7.03%)) แต่เมื่อวันที่ 2มี.ค.UOBKH แจ้งหยุดดำเนินการในเรื่องนี้เพราะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงให้เป็นที่ พอใจของทั้งสองฝ่ายได้ ขณะที่เวลา 13.23น. BSEC ได้รับหนังสือผ่านทาง Fax วันที่ 2 มี.ค.จาก UOBKH ว่าไม่สามาถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้ (ราคาปิด BSEC 1.30 (-29.73%)/UOBKH 2.40 (-7.69%))

ถัดมา 13 มี.ค. เวลา 10.57น. สื่อออนไลน์แห่งหนึ่งรายงานว่า ผู้บริหาร BSEC 2 ท่านได้เดินทางไปเจรจากับ ผู้บริหาร UOBKH ที่สิงค์โปร์ ในเรื่องการควบรวมกิจการ และคาดว่าจะประสบผลสำเร็จจากการเจรจาต่อรอง (ราคา ณ. 12.30 BSEC 1.45 (+16.94%)/UOBKH 2.72 (3.82%)) และเมื่อเวลา14.04 UOBKH แจ้งผู้บริหารชั้นสูงของ BSEC ได้มีการติดต่อขอเข้าพบผู้บริหารบริษัทเพื่อเจรจาเกี่ยวกับการควบรวมอีกครั้ง แต่เวลา 14.12น. ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขึ้น H หลักทรัพย์ BSEC / UOBKH

โดย 16มี.ค.09.44 น. ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขี้น SP หลักทรัพย์ BSEC / UOBKH และเวลา13.02 ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมว่านายประสิทธิ์ ได้ไปพบกับ Mr. Wee Ee-Chaoประธานคณะกรรมการ UOBKH โดยมิได้มีการเจรจาเกี่ยวกับการควบรวมกิจการ สำหรับนายเดชา แปงคำ ได้ลาพักผ่อนไปสิงค์โปร์เป็นการส่วนตัว โดยทั้งคู่ไม่มีอำนาจในการเจรจาควบรวมกิจการ แต่ตลท.ยังขึ้นเครื่องหมายSP

ดังนั้นตลาดหลักทรัพย์ฯ เห็นว่าบริษัทควรให้ความสำคัญ และ ยึดตามแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการเปิดเผยสารสนเทศของบริษัทจดทะเบียนอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะในประเด็นการเจรจาแผนการเสนอขอควบรวมกิจการ ที่ถือเป็นสารสนเทศที่สำคัญ และอาจมีผลต่อการซื้อขายหรือต่อการตัดสินใจลงทุนในหลักทรัพย์ โดยบริษัทควรเปิดเผยสารสนเทศที่สำคัญให้ผู้ลงทุนทราบรวมถึงชี้แจงกรณีที่มีข่าวลือหรือข่าวสารต่างๆในทันทีผ่านตลาดหลักทรัพย์ ขณะเดียวกันหากบริษัทพิจารณาว่าข้อเท็จจริงดังกล่าวอยู่ในภาวะที่ยังไม่แน่นอนและอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ บริษัทควรที่จะต้องเก็บรักษาข้อมูลดังกล่าวเป็นความลับและใช้ความระมัดระวังในกระบวนการเก็บรักษาความลับนั้นให้รับรู้ได้เฉพาะผู้บริหารระดับสูง หรือ บุคคลที่เกี่ยวข้องเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม แม้ทั้ง 2 หลักทรัพย์จะได้รับการปลดเครื่องหมาย SP จากตลาดหลักทรัพย์ไปแล้วก็ตาม ด้านนายวีระชัย ครองสามสี ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล. ฟาร์อีสท์ ประเมินว่า เรื่องดังกล่าวอาจมีผลกระทบต่อราคาหุ้น โดยถ้าข่าวออกมาอย่างนี้ต้องระมัดระวัง และใช้ดุลยพินิจในการเข้าซื้อด้วย

โดยวานนี้ หุ้น BESC หลังปลดเครื่องหมาย SP เคลื่อนไหวมาปิดตลาดที่ 1.48 บาท เพิ่มขึ้น 0.03 บาท หรือ 2.07% ปรับตัวสูงสุด 1.70 บาท ต่ำสุด 1.32 บาท มูลค่าการซื้อขายรวม 36.898 ล้านบาท ขณะที่หุ้นUOBKH ปิดที่ 2.60 บาท ลดลง 0.12 บาทหรือ 4.41% ระหว่างวันปรับตัวสูงสุด 2.88 บาท ต่ำสุด 2.52 บาท มูลค่าการซื้อ 42,000 บาท
กำลังโหลดความคิดเห็น