ประกันภัยศรีเมืองเผยผลประกอบการปี 51 สดใส เบี้ยประกันรับ 3.5 พันล้าน เติบโต 26% ส่วนปีนี้ยังต้องดำเนินธุรกิจยังระมัดระวัง ไม่เน้นการขยายตัว รับแค่รักษาระดับเบี้ยให้เท่ากับปีก่อนก็หนักแล้ว แต่มุ่งให้ความสำคัญกับการบริการลูกค้า และพัฒนารูปแบบการบริการต่างๆให้ดียิ่งขึ้น
นายโยอิจิ ทามากาคิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ประกันภัยศรีเมือง จำกัด เปิดเผยผลประกอบการบริษัทว่า ในปี 2551 บริษัทมีรายได้เบี้ยประกันภัยรับรวม 3.5 พันล้านบาท มีการขยายตัว 26% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตสูงกว่าตัวเลขเติบโตของธุรกิจประกันวินาศภัยซึ่งเติบโตประมาณ 5% อัตราการเติบโตส่วนใหญ่มาจาก การรับประกันภัยเบ็ดเตล็ด และการรับประกันภัยรถยนต์ ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา บริษัทมีความสัมพันธ์อันดีกับพันธมิตรหลัก อันได้แก่ บริษัท รถยนต์ชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งความสัมพันธ์อันดีนี้เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เราประสบความสำเร็จในการทำตลาด ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอัตราการขยายตัวในปีที่ผ่านมราจะเป็นที่น่าพึงพอใจ แต่ในปีนี้จะยึดแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบ โดยบริษัทไม่กำหนดเป้าหมายให้ส่วนแบ่งการตลาดเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่เป้าหมายสูงสุดของบริษัทคือ การได้เป็นบริษัทที่ได้รับการเลือกและได้รับความไว้วางใจสูงสุดจากลูกค้า
ทั้งนี้ ในปี 2551 สัดส่วนการรับประกันภัยของบริษัทแบ่งเป็น การรับประกันอัคคีภัย 24%, เบ็ดเตล็ด 11%, รถยนต์ 46%, และ ประกันภัยขนส่งทางทะเล 19% ในจำนวนนี้เป็นลูกค้าองค์กร (กลุ่มบริษัทจากญี่ปุ่น) และลูกค้ารายย่อยในสัดส่วน 53:47 ซึ่งนอกจากบริษัทจะมีความชำนาญในการให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าองค์กรจากประเทศญี่ปุ่นที่ลงทุนในประเทศไทยแล้ว ปัจจุบันบริษัทยังมีความพร้อมในการให้บริการกลุ่มลูกค้าองค์กรและลูกค้ารายย่อย โดยเน้นไปที่การรับประกันภัยรถยนต์และประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล โดยสิ่งที่เห็นเด่นชัดก็คือการขยายตัวของสาขาในเขตกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ซึ่งบริษัทมีสาขาทั้งหมด 16 สาขาทั่วประเทศ ที่พร้อมให้บริการ และมีการพัฒนาสินค้าใหม่ๆเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า เช่น ประกันภัยบ้าน (HOME SMILE) และ ประกันภัยโรคมะเร็ง (CANCER SMILE)
"ในปี 2552 นี้ จะเป็นปีที่ลำบากสำหรับทุกบริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการรับประกันภัยทางทะเล และ รถยนต์ ส่วนธุรกิจประกันภัยก็เป็นไปตามสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน และผมมีความเห็นส่วนตัวว่าเป็นเรื่องค่อนข้างยากที่เราจะรักษาระดับเบี้ยรับประกันภัยให้เท่ากับปีที่ผ่านมา บางคนอาจจะให้ความเห็นว่าในช่วงนี้เป็นโอกาสของบริษัทที่มีความแข็งแกร่งทางด้านการเงินอย่างเช่นบริษัทของเรา แต่อย่างไรก็ตาม ก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้น เราต้องมีความอดทนที่จะรอดูสถานการณ์ และจะไม่หยุดยั้งการดำเนินการพัฒนา ในการให้บริการแก่ลูกค้า ส่วนทางด้านสถานะการเงินที่มั่นคงของบริษัท ผมคิดว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้บริษัทมีความได้เปรียบในการแข่งขันในสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันนี้”
ด้านนายหลักชัย สุทธิชูจิต รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ประกันภัยศรีเมือง จำกัด กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทจะมุ่งเน้นในการใช้โครงข่ายการให้บริการ เพื่อที่จะขยายตลาดในประเทศ และ ขยายฐานลูกค้า โดยได้เตรียมพร้อมที่จะเสนอบริการใหม่ ให้กับลูกค้าในปี2552 อันได้แก่ การบริการด้านสินไหม ทางบริษัทได้ตั้งศูนย์บริการรับแจ้งเคลม 24 ชั่วโมง (24 Hours Claims Call Service) เพื่อสามารถให้บริการรับแจ้งเคลมได้ตลอดเวลาแม้นอกเวลาทำการ ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ การพัฒนาบริการของเรานั้นไม่ได้เจาะจงเฉพาะการบริการกลุ่มผู้เอาประกันเท่านั้น ยังขยายไปถึงอู่ซ่อมรถในเครือด้วย
สำหรับกลุ่มลูกค้าองค์กร ทางบริษัทมีบริการ ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกและให้คำแนะนำการเรียกร้องสินไหม (Claim Guideline Service) ซึ่งระบบนี้จะให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงเว็บไซด์เฉพาะของบริษัทในการแจ้งสินไหม และสามารถดาวน์โหลดข้อมูลต่างๆ รวมถึงใช้ในการทำ Loss prevention ได้อีกด้วย ดังนั้นการให้คำปรึกษาในการจัดการความเสี่ยง (Risk Management) ที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นที่รับรู้โดยทั่วไปในกลุ่มลูกค้าของเรา ในการทำรายงานการจัดการความเสี่ยงสำหรับลูกค้า ทางบริษัทมีทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ (Risk Engineer) ที่มีประสบการณ์ในการวิเคราะห์ข้อมูลและมีอุปกรณ์ที่ทันสมัย เช่นเครื่อง Thermo Graphic Inspection Camera ร่วมใช้งาน จึงนำมาซึ่ง รายงานที่มีคำแนะนำ และการเสนอแนะที่นำไปสู่การลดจำนวนอุบัติเหตุ และความเสียหายต่อทรัพย์สินของลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งข้อมูลทั้งหมดนี้ บริษัทยังสามารถแบ่งปันแก่ลูกค้าองค์กรผ่านทางเว็บไซด์เฉพาะของบริษัท
นายโยอิจิ ทามากาคิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ประกันภัยศรีเมือง จำกัด เปิดเผยผลประกอบการบริษัทว่า ในปี 2551 บริษัทมีรายได้เบี้ยประกันภัยรับรวม 3.5 พันล้านบาท มีการขยายตัว 26% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตสูงกว่าตัวเลขเติบโตของธุรกิจประกันวินาศภัยซึ่งเติบโตประมาณ 5% อัตราการเติบโตส่วนใหญ่มาจาก การรับประกันภัยเบ็ดเตล็ด และการรับประกันภัยรถยนต์ ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา บริษัทมีความสัมพันธ์อันดีกับพันธมิตรหลัก อันได้แก่ บริษัท รถยนต์ชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งความสัมพันธ์อันดีนี้เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เราประสบความสำเร็จในการทำตลาด ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอัตราการขยายตัวในปีที่ผ่านมราจะเป็นที่น่าพึงพอใจ แต่ในปีนี้จะยึดแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบ โดยบริษัทไม่กำหนดเป้าหมายให้ส่วนแบ่งการตลาดเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่เป้าหมายสูงสุดของบริษัทคือ การได้เป็นบริษัทที่ได้รับการเลือกและได้รับความไว้วางใจสูงสุดจากลูกค้า
ทั้งนี้ ในปี 2551 สัดส่วนการรับประกันภัยของบริษัทแบ่งเป็น การรับประกันอัคคีภัย 24%, เบ็ดเตล็ด 11%, รถยนต์ 46%, และ ประกันภัยขนส่งทางทะเล 19% ในจำนวนนี้เป็นลูกค้าองค์กร (กลุ่มบริษัทจากญี่ปุ่น) และลูกค้ารายย่อยในสัดส่วน 53:47 ซึ่งนอกจากบริษัทจะมีความชำนาญในการให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าองค์กรจากประเทศญี่ปุ่นที่ลงทุนในประเทศไทยแล้ว ปัจจุบันบริษัทยังมีความพร้อมในการให้บริการกลุ่มลูกค้าองค์กรและลูกค้ารายย่อย โดยเน้นไปที่การรับประกันภัยรถยนต์และประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล โดยสิ่งที่เห็นเด่นชัดก็คือการขยายตัวของสาขาในเขตกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ซึ่งบริษัทมีสาขาทั้งหมด 16 สาขาทั่วประเทศ ที่พร้อมให้บริการ และมีการพัฒนาสินค้าใหม่ๆเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า เช่น ประกันภัยบ้าน (HOME SMILE) และ ประกันภัยโรคมะเร็ง (CANCER SMILE)
"ในปี 2552 นี้ จะเป็นปีที่ลำบากสำหรับทุกบริษัท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการรับประกันภัยทางทะเล และ รถยนต์ ส่วนธุรกิจประกันภัยก็เป็นไปตามสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน และผมมีความเห็นส่วนตัวว่าเป็นเรื่องค่อนข้างยากที่เราจะรักษาระดับเบี้ยรับประกันภัยให้เท่ากับปีที่ผ่านมา บางคนอาจจะให้ความเห็นว่าในช่วงนี้เป็นโอกาสของบริษัทที่มีความแข็งแกร่งทางด้านการเงินอย่างเช่นบริษัทของเรา แต่อย่างไรก็ตาม ก็คงไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้น เราต้องมีความอดทนที่จะรอดูสถานการณ์ และจะไม่หยุดยั้งการดำเนินการพัฒนา ในการให้บริการแก่ลูกค้า ส่วนทางด้านสถานะการเงินที่มั่นคงของบริษัท ผมคิดว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้บริษัทมีความได้เปรียบในการแข่งขันในสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันนี้”
ด้านนายหลักชัย สุทธิชูจิต รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ประกันภัยศรีเมือง จำกัด กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทจะมุ่งเน้นในการใช้โครงข่ายการให้บริการ เพื่อที่จะขยายตลาดในประเทศ และ ขยายฐานลูกค้า โดยได้เตรียมพร้อมที่จะเสนอบริการใหม่ ให้กับลูกค้าในปี2552 อันได้แก่ การบริการด้านสินไหม ทางบริษัทได้ตั้งศูนย์บริการรับแจ้งเคลม 24 ชั่วโมง (24 Hours Claims Call Service) เพื่อสามารถให้บริการรับแจ้งเคลมได้ตลอดเวลาแม้นอกเวลาทำการ ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ การพัฒนาบริการของเรานั้นไม่ได้เจาะจงเฉพาะการบริการกลุ่มผู้เอาประกันเท่านั้น ยังขยายไปถึงอู่ซ่อมรถในเครือด้วย
สำหรับกลุ่มลูกค้าองค์กร ทางบริษัทมีบริการ ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกและให้คำแนะนำการเรียกร้องสินไหม (Claim Guideline Service) ซึ่งระบบนี้จะให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงเว็บไซด์เฉพาะของบริษัทในการแจ้งสินไหม และสามารถดาวน์โหลดข้อมูลต่างๆ รวมถึงใช้ในการทำ Loss prevention ได้อีกด้วย ดังนั้นการให้คำปรึกษาในการจัดการความเสี่ยง (Risk Management) ที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นที่รับรู้โดยทั่วไปในกลุ่มลูกค้าของเรา ในการทำรายงานการจัดการความเสี่ยงสำหรับลูกค้า ทางบริษัทมีทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญ (Risk Engineer) ที่มีประสบการณ์ในการวิเคราะห์ข้อมูลและมีอุปกรณ์ที่ทันสมัย เช่นเครื่อง Thermo Graphic Inspection Camera ร่วมใช้งาน จึงนำมาซึ่ง รายงานที่มีคำแนะนำ และการเสนอแนะที่นำไปสู่การลดจำนวนอุบัติเหตุ และความเสียหายต่อทรัพย์สินของลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งข้อมูลทั้งหมดนี้ บริษัทยังสามารถแบ่งปันแก่ลูกค้าองค์กรผ่านทางเว็บไซด์เฉพาะของบริษัท