ธนชาตยันปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อปกติ แต่เข้มงวดมากขึ้นหากลูกค้าเสี่ยงสูงหรือกลุ่มดาวน์ต่ำ 5% หรือ 10% งดปล่อยกู้ ด้านลีสซิ่งกสิกรไทยประสานเสียงแนวโน้มเอ็นพีแอลปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ไม่แข่งดาวน์ต่ำ
นายอนุชาติ ดีประเสริฐ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์เช่าซื้อ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TBANK เปิดเผยว่า การปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อของธนาคารในปัจจุบันยังมีการปล่อยกู้ตามปกติ ไม่ได้มีการชะลอแต่อย่างใด ส่วนเกณฑ์ที่ใช้พิจารณาในการปล่อยกู้นั้นก็ยังคงเหมือนเดิม แต่จากภาวะที่เศรษฐกิจมีการชะลอตัว ทำให้มีผลต่อศักยภาพในการชำระหนี้ของผู้บริโภค ซึ่งทางธนาคารจำเป็นต้องมีความเข้มงวดในการปล่อยกู้มากขึ้น โดยลูกค้ารายที่มีความเสี่ยงสูง ธนาคารก็จะปฏิเสธการให้กู้
'ในช่วงที่ผ่านมาต้องยอมรับธนาคารมีความเข้มงวดมากขึ้น แต่ไม่ได้มีการปรับเพิ่มเงินดาวน์ โดยเงินดาวน์ที่ 15% หรือ 20% ยังคงมีเหมือนเดิม โดยธนาคารจะเน้นเรื่องของความสามารถในการชำระหนี้มากขึ้น ส่วนเงินดาวน์ 5% หรือ 10% ที่เคยทำการตลาดในช่วงภาวะเศรษฐกิจดีนั้น ปัจจุบันได้หยุดพัก เนื่องจากลูกค้าในกลุ่มนี้มีความเสี่ยงสูง'
สำหรับสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ต้องยอมรับว่าขณะนี้มี สัญญาณปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจ และการตกงานทำให้มีผลกระทบต่อรายได้ ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้ธนาคารได้เข้าไปช่วยเหลือด้วยการยืดระยะเวลาการชำระหนี้ และลดการผ่อนค่างวดลง อย่างไรก็ตาม เอ็นพีแอลที่เพิ่มขึ้นยังไม่น่ากลัว ยังสามารถบริหารจัดการได้โดยยอดเอ็นพีแอลอยู่ที่ 1.8-1.9% ของสินเชื่อรวม ทั้งนี้ในเดือน ม.ค.ที่ผ่าน มาธนาคารได้ปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใหม่ 8,000 คัน ปรับตัวลดลง 6-7% ซึ่งเป็นไปตามภาวะที่ยอดขายรถยนต์ปรับลดลง 20% โดยในเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมาได้ปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ประมาณ 9,000 คัน
อย่างไรก็ตาม ในปี 51 ที่ผ่านมา ธนาคารได้ปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อที่เป็นสินเชื่อใหม่ 93,000-94,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนของ สินเชื่อที่ปล่อยกู้ให้กับรถยนต์ใหม่ 75% และอีก 25% เป็นรถมือสอง โดยพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อสิ้นปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 210,000-220,000 ล้านบาท โดยปีนี้เป้าสินเชื่ออยู่ระหว่างการทบทวน โดยคาดว่ายอดสินเชื่อใหม่จะปรับลดลง 10% ซึ่งเป็นไปตามภาวะตลาด
ด้านนายอิสระ วงศ์รุ่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัทลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า บริษัทไม่ได้ชะลอการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์เห็นได้จากในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมาสามารถปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ได้ 2,022 ล้านบาท ทะลุเป้าที่ตั้งไว้ 1,450 ล้านบาท และปีนี้ทั้งปีตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อ 20,000 ล้านบาท หากยังสามารถปล่อยสินเชื่อได้เหมือนกับเดือนม.ค. ก็จะทำให้ยอดสินเชื่อทั้งปีปล่อยได้ 24,500 ล้านบาท หรือสูงกว่าเป้า 20%
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตลาดสินเชื่อเช่าซื้อ รถยนต์แข่งขันในกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยหากลูกค้าดาวน์สูงก็จะคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยปัจจุบันถ้าลูกค้าดาวน์ 25% อัตราดอกเบี้ย เช่าซื้อจะอยู่ที่ 3.25% จากช่วงปลายปีที่ผ่านมา ดอกเบี้ยเช่าซื้ออยู่ที่ 2.75%
สำหรับหนี้เอ็นพีแอลบริษัทได้มีการติดตามอย่างใกล้ชิด ต้องยอมรับว่ามีสัญญาที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเอ็นพีแอลเดือนม.ค.ที่ผ่านมาอยู่ที่ 2.4% เพิ่มขึ้นจากเดือนธ.ค.51 ที่อยู่ที่ 2.3% และในเดือน ก.พ.นี้เชื่อว่ายอดเอ็นพีแอลจะลดลงเหลือ 2.35% อย่างไรก็ตาม เอ็นพีแอล ที่เพิ่มขึ้นยังสามารถบริหารจัดการได้
'ปีที่ผ่านมาทางบริษัทได้ตั้งเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อไว้ที่ 29,000 ล้านบาท แต่สามารถปล่อยได้ 24,000-25,000 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้า 15-20% ทำให้ยอดสินเชื่อคงค้างสิ้นปีอยู่ที่ 35,000 ล้านบาท และในปีนี้ถ้าปล่อยสินเชื่อได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ก็ทำให้ยอด สินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้นเป็น 45,000 ล้านบาท'
นายอนุชาติ ดีประเสริฐ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์เช่าซื้อ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TBANK เปิดเผยว่า การปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อของธนาคารในปัจจุบันยังมีการปล่อยกู้ตามปกติ ไม่ได้มีการชะลอแต่อย่างใด ส่วนเกณฑ์ที่ใช้พิจารณาในการปล่อยกู้นั้นก็ยังคงเหมือนเดิม แต่จากภาวะที่เศรษฐกิจมีการชะลอตัว ทำให้มีผลต่อศักยภาพในการชำระหนี้ของผู้บริโภค ซึ่งทางธนาคารจำเป็นต้องมีความเข้มงวดในการปล่อยกู้มากขึ้น โดยลูกค้ารายที่มีความเสี่ยงสูง ธนาคารก็จะปฏิเสธการให้กู้
'ในช่วงที่ผ่านมาต้องยอมรับธนาคารมีความเข้มงวดมากขึ้น แต่ไม่ได้มีการปรับเพิ่มเงินดาวน์ โดยเงินดาวน์ที่ 15% หรือ 20% ยังคงมีเหมือนเดิม โดยธนาคารจะเน้นเรื่องของความสามารถในการชำระหนี้มากขึ้น ส่วนเงินดาวน์ 5% หรือ 10% ที่เคยทำการตลาดในช่วงภาวะเศรษฐกิจดีนั้น ปัจจุบันได้หยุดพัก เนื่องจากลูกค้าในกลุ่มนี้มีความเสี่ยงสูง'
สำหรับสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ต้องยอมรับว่าขณะนี้มี สัญญาณปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจ และการตกงานทำให้มีผลกระทบต่อรายได้ ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้ธนาคารได้เข้าไปช่วยเหลือด้วยการยืดระยะเวลาการชำระหนี้ และลดการผ่อนค่างวดลง อย่างไรก็ตาม เอ็นพีแอลที่เพิ่มขึ้นยังไม่น่ากลัว ยังสามารถบริหารจัดการได้โดยยอดเอ็นพีแอลอยู่ที่ 1.8-1.9% ของสินเชื่อรวม ทั้งนี้ในเดือน ม.ค.ที่ผ่าน มาธนาคารได้ปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใหม่ 8,000 คัน ปรับตัวลดลง 6-7% ซึ่งเป็นไปตามภาวะที่ยอดขายรถยนต์ปรับลดลง 20% โดยในเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมาได้ปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ประมาณ 9,000 คัน
อย่างไรก็ตาม ในปี 51 ที่ผ่านมา ธนาคารได้ปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อที่เป็นสินเชื่อใหม่ 93,000-94,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนของ สินเชื่อที่ปล่อยกู้ให้กับรถยนต์ใหม่ 75% และอีก 25% เป็นรถมือสอง โดยพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อสิ้นปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 210,000-220,000 ล้านบาท โดยปีนี้เป้าสินเชื่ออยู่ระหว่างการทบทวน โดยคาดว่ายอดสินเชื่อใหม่จะปรับลดลง 10% ซึ่งเป็นไปตามภาวะตลาด
ด้านนายอิสระ วงศ์รุ่ง กรรมการผู้จัดการ บริษัทลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด กล่าวว่า บริษัทไม่ได้ชะลอการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์เห็นได้จากในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมาสามารถปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ได้ 2,022 ล้านบาท ทะลุเป้าที่ตั้งไว้ 1,450 ล้านบาท และปีนี้ทั้งปีตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อ 20,000 ล้านบาท หากยังสามารถปล่อยสินเชื่อได้เหมือนกับเดือนม.ค. ก็จะทำให้ยอดสินเชื่อทั้งปีปล่อยได้ 24,500 ล้านบาท หรือสูงกว่าเป้า 20%
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตลาดสินเชื่อเช่าซื้อ รถยนต์แข่งขันในกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยหากลูกค้าดาวน์สูงก็จะคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำ โดยปัจจุบันถ้าลูกค้าดาวน์ 25% อัตราดอกเบี้ย เช่าซื้อจะอยู่ที่ 3.25% จากช่วงปลายปีที่ผ่านมา ดอกเบี้ยเช่าซื้ออยู่ที่ 2.75%
สำหรับหนี้เอ็นพีแอลบริษัทได้มีการติดตามอย่างใกล้ชิด ต้องยอมรับว่ามีสัญญาที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเอ็นพีแอลเดือนม.ค.ที่ผ่านมาอยู่ที่ 2.4% เพิ่มขึ้นจากเดือนธ.ค.51 ที่อยู่ที่ 2.3% และในเดือน ก.พ.นี้เชื่อว่ายอดเอ็นพีแอลจะลดลงเหลือ 2.35% อย่างไรก็ตาม เอ็นพีแอล ที่เพิ่มขึ้นยังสามารถบริหารจัดการได้
'ปีที่ผ่านมาทางบริษัทได้ตั้งเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อไว้ที่ 29,000 ล้านบาท แต่สามารถปล่อยได้ 24,000-25,000 ล้านบาท ต่ำกว่าเป้า 15-20% ทำให้ยอดสินเชื่อคงค้างสิ้นปีอยู่ที่ 35,000 ล้านบาท และในปีนี้ถ้าปล่อยสินเชื่อได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ก็ทำให้ยอด สินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้นเป็น 45,000 ล้านบาท'