สมาคมประกัน เผย ยอดเบี้ยรวมปี 51 มีจำนวน 2.2 แสนล้าน เพิ่มขึ้น 10.09% ส่วนเบี้ยใหม่มีจำนวน 6.8 ล้าน เพิ่มขึ้น 11.03% โดย เอไอเอ ยังครองมาร์เก็ตแชร์อันดับ 1 แต่หากรวมยอดเฉพาะเบี้ยใหม่เดือนธันวาคม ไทยประกันชีวิต เฉือนแซงขึ้นอันดับ 1 หลัง เอไอเอเจอข่าว บ.แม่สั่นคลอน
นางบุษรา อึ๊งภากรณ์ ผู้อำนวยการสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยถึงเบี้ยประกันชีวิตรับรวมระหว่าง มกราคม-ธันวาคม 2551 ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 221,970 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนในระยะเดียวกันร้อยละ 10.09 แยกเป็นเบี้ยประกันภัยรับรายใหม่จำนวน 68,738.2 ล้านบาท ซึ่งมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนในระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 11.03 และเบี้ยประกันภัยปีต่อไป 153,231.8 ล้านบาท ซึ่งมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนในระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 9.68 โดยมีอัตราความคงอยู่ร้อยละ 84
ทั้งนี้ อัตราการเติบโตของธุรกิจประกันชีวิตในปี 2551 เป็นอัตราการเติบโตที่สูงขึ้นเป็นที่น่าพอใจในสภาวะปัญหาเศรษฐกิจปัจจุบัน ซึ่งเป็นผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจทั่วโลก รวมทั้งปัญหาด้านการเมืองที่มีขึ้นตลอดทั้งปี ซึ่งไม่เอื้ออำนวยต่ออัตราการเติบโตภายในประเทศ โดยการพิจารณาข้อมูลสถิติของธุรกิจประกันชีวิต สมาคมจะพิจารณาแยกเป็น 2 กรณี คือ ประการแรก จะพิจารณาถึงขนาดของบริษัท โดยจะพิจารณาถึงการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับรวม โดยจะมีการพิจารณาถึงอัตราความคงอยู่ของกรมธรรม์ประกันชีวิต ประกอบด้วย และประการที่สอง จะพิจารณาถึงการขยายงานของบริษัท จะพิจารณาจากการเติบโตเฉพาะเบี้ยประกันภัยรับรายใหม่เพียงอย่างเดียว
สำหรับบริษัทประกันชีวิตที่มีเบี้ยประกันภัยรับรวมสูงสุด 5 อันดับแรก คือ อันดับที่ 1 บจ.เอไอเอ จำนวน 83,289.3 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 37.52 อันดับที่ 2 บจ.ไทยประกันชีวิต จำนวน 32,246.1 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 14.53 อันดับที่ 3 บจ.เมืองไทยประกันชีวิต จำนวน 17,242.7 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 7.77 อันดับที่ 4 ไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ประกันชีวิต จำนวน 15,101.0 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 6.80 และอันดับที่ 5 บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต จำนวน 15,007.4 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 6.76
ส่วนบริษัทประกันชีวิตที่มีเบี้ยประกันภัยรับรายใหม่รวมสูงสุด หรือมีการขยายงานสูงสุด 5 อันดับแรก คือ อันดับที่ 1 บจ.เอไอเอ จำนวน 17,995.6 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 26.18 อันดับที่ 2 บจ.ไทยประกันชีวิต จำนวน 9,672.1 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 14.07 อันดับที่ 3 บจ.เมืองไทยประกันชีวิต จำนวน 6,948.3 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 10.11 อันดับที่ 4 บมจ.ไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ประกันชีวิต จำนวน 6,025.2 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 8.77 และ อันดับที่ 5 บมจ.อยุธยาอลิอันซ์ ซี.พี.ประกันชีวิต จำนวน 5,148.6 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 7.49
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาถึงจำนวนเบี้ยประกันภัยรับรายใหม่ในเดือนธันวาคม 2551 เบี้ยประกันภัยจะมีทั้งสิ้น 7,826.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนในระยะเดียวกันจำนวน 2,457.4 ล้านบาท หรือร้อยละ 45.77 บริษัทประกันชีวิตที่มีเบี้ยประกันภัยรับรายใหม่ในเดือนธันวาคม 2551 สูงสุด 5 อันดับแรก คือ อันดับที่ 1 บจ.ไทยประกันชีวิต จำนวน 2,345.9 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 29.97 อันดับที่ 2 บจ.เอไอเอ จำนวน 1,003.0 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 12.82 อันดับที่ 3 บจ.เมืองไทยประกันชีวิต จำนวน 739.6 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 9.45 อันดับที่ 4 บมจ.ไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ประกันชีวิต จำนวน 686.0 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 8.77 อันดับที่ 5 บมจ.อยุธยาอลิอันซ์ ซี.พี.ประกันชีวิต จำนวน 621.0 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 7.93
นางบุษรา อึ๊งภากรณ์ ผู้อำนวยการสมาคมประกันชีวิตไทย เปิดเผยถึงเบี้ยประกันชีวิตรับรวมระหว่าง มกราคม-ธันวาคม 2551 ว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 221,970 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนในระยะเดียวกันร้อยละ 10.09 แยกเป็นเบี้ยประกันภัยรับรายใหม่จำนวน 68,738.2 ล้านบาท ซึ่งมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนในระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 11.03 และเบี้ยประกันภัยปีต่อไป 153,231.8 ล้านบาท ซึ่งมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนในระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 9.68 โดยมีอัตราความคงอยู่ร้อยละ 84
ทั้งนี้ อัตราการเติบโตของธุรกิจประกันชีวิตในปี 2551 เป็นอัตราการเติบโตที่สูงขึ้นเป็นที่น่าพอใจในสภาวะปัญหาเศรษฐกิจปัจจุบัน ซึ่งเป็นผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจทั่วโลก รวมทั้งปัญหาด้านการเมืองที่มีขึ้นตลอดทั้งปี ซึ่งไม่เอื้ออำนวยต่ออัตราการเติบโตภายในประเทศ โดยการพิจารณาข้อมูลสถิติของธุรกิจประกันชีวิต สมาคมจะพิจารณาแยกเป็น 2 กรณี คือ ประการแรก จะพิจารณาถึงขนาดของบริษัท โดยจะพิจารณาถึงการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับรวม โดยจะมีการพิจารณาถึงอัตราความคงอยู่ของกรมธรรม์ประกันชีวิต ประกอบด้วย และประการที่สอง จะพิจารณาถึงการขยายงานของบริษัท จะพิจารณาจากการเติบโตเฉพาะเบี้ยประกันภัยรับรายใหม่เพียงอย่างเดียว
สำหรับบริษัทประกันชีวิตที่มีเบี้ยประกันภัยรับรวมสูงสุด 5 อันดับแรก คือ อันดับที่ 1 บจ.เอไอเอ จำนวน 83,289.3 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 37.52 อันดับที่ 2 บจ.ไทยประกันชีวิต จำนวน 32,246.1 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 14.53 อันดับที่ 3 บจ.เมืองไทยประกันชีวิต จำนวน 17,242.7 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 7.77 อันดับที่ 4 ไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ประกันชีวิต จำนวน 15,101.0 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 6.80 และอันดับที่ 5 บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต จำนวน 15,007.4 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 6.76
ส่วนบริษัทประกันชีวิตที่มีเบี้ยประกันภัยรับรายใหม่รวมสูงสุด หรือมีการขยายงานสูงสุด 5 อันดับแรก คือ อันดับที่ 1 บจ.เอไอเอ จำนวน 17,995.6 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 26.18 อันดับที่ 2 บจ.ไทยประกันชีวิต จำนวน 9,672.1 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 14.07 อันดับที่ 3 บจ.เมืองไทยประกันชีวิต จำนวน 6,948.3 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 10.11 อันดับที่ 4 บมจ.ไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ประกันชีวิต จำนวน 6,025.2 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 8.77 และ อันดับที่ 5 บมจ.อยุธยาอลิอันซ์ ซี.พี.ประกันชีวิต จำนวน 5,148.6 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 7.49
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาถึงจำนวนเบี้ยประกันภัยรับรายใหม่ในเดือนธันวาคม 2551 เบี้ยประกันภัยจะมีทั้งสิ้น 7,826.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนในระยะเดียวกันจำนวน 2,457.4 ล้านบาท หรือร้อยละ 45.77 บริษัทประกันชีวิตที่มีเบี้ยประกันภัยรับรายใหม่ในเดือนธันวาคม 2551 สูงสุด 5 อันดับแรก คือ อันดับที่ 1 บจ.ไทยประกันชีวิต จำนวน 2,345.9 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 29.97 อันดับที่ 2 บจ.เอไอเอ จำนวน 1,003.0 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 12.82 อันดับที่ 3 บจ.เมืองไทยประกันชีวิต จำนวน 739.6 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 9.45 อันดับที่ 4 บมจ.ไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ประกันชีวิต จำนวน 686.0 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 8.77 อันดับที่ 5 บมจ.อยุธยาอลิอันซ์ ซี.พี.ประกันชีวิต จำนวน 621.0 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วนการตลาดร้อยละ 7.93