ธปท.แถลงนโยบายการเงินปี 52 มั่นใจ ศก.ไทยโตได้ 0-2% ตามที่คาดการณ์ ยันไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย เงินเฟ้อเฉลี่ย 0.5-1.5% และอาจติดลบในบางเดือน พร้อมส่งสัญญาณใช้นโยบายที่ผ่อนคลายภายใต้กรอบการเงินที่มีวินัย ส่วนมาตรการดูแลอัตราแลกเปลี่ยน จะยืดหยุ่นขึ้น ระบุ เงินบาทอ่อนค่าลงแล้ว หากเทียบกับค่าเงินในภูมิภาค ขณะที่สภาพคล่องมีเพียงพอ
นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในการแถลงประจำปีของผู้ว่าการ ธปท.ต่อสาธารณะ โดยระบุว่า ในปี 2552 แนวโน้มเศรษฐกิจไทยจะเติบโตต่อไปได้ โดยในวันศุกร์ที่ผ่านมา ธปท.ได้ประมาณการว่า การขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปี 2552 เฉลี่ยจะอยู่ที่ระดับ 0-2% ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานจะเฉลี่ยอยู่ที่ 0.5-1.5% ส่วนเงินเฟ้อทั่วไปอาจติดลลบบ้างในบางเดือน ซึ่งเป็นผลของการปรับลดลงของราคาน้ำมันอย่างมาก
"เศรษฐกิจปี 2552 ท้าทายทั้งรัฐและเอกชน คงหนีไม่พ้นที่จะได้รับผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจโลก ดังนั้น จึงต้องไม่ประมาท นโยบายเศรษฐกิจ การเงิน และการคลัง มีเป้าหมายเดียวกันเพื่อดูแลภาวะเศรษฐกิจ โดยเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้ยังมีแนวโน้มเติบโตได้ และไม่อยู่ในภาวะถดถอยตามที่หลายฝ่ายประเมิน"
อย่างไรก็ตาม ธปท.พร้อมที่จะดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย ภายใต้กรอบวินัยทางการเงินท่ามกลางภาวการณ์ที่อัตราเงินเฟ้อลดลงมาก แต่เศรษฐกิจยังคงชะลอตัว ซึ่งการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 1.5% ในเดือนธันวาคม 2551 และเดือนมกราคม 2552 ที่ผ่านมา ก็เป็นการชี้ว่า ธปท.ได้ดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย
นอกจากนี้ ประเด็นในส่วนของอัตราแลกเปลี่ยน ธปท.ก็จะดำเนินการให้มีความยืดหยุ่นเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา โดยจะดูแลไม่ให้มีความผันผวนเกินไป พร้อมย้ำว่าค่าเงินบาทในระดับปัจจุบันอ่อนค่าลงแล้ว เมื่อเทียบกับประเทศคู่ค้า และไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจส่งออก ส่วนเงินทุนเคลื่อนย้ายจะเปิดเสรีแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยขอให้ทุกฝ่ายทำประกันความเสี่ยง เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และจะดูแลสภาพคล่องและระบบสถาบันการเงิน ซึ่งขณะนี้สภาพคล่องมีเพียงพอ รอเพียงความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจให้ปรับตัวดีขึ้น สภาพคล่องของธุรกิจก็จะปรับตัวดีขึ้นตาม
