รมว.คมนาคม โต้ข่าว “การบินไทย” ขาดทุนหนัก หลังข้อมูลปูดผู้บริหารฯ วิ่งหาแหล่งเงินกู้ 3 หมื่นล้าน อุดปัญหาสภาพคล่อง เตรียมรื้อบอร์ดตั้งใหม่ ชงที่ประชุม ครม.พรุ่งนี้ ขณะที่แผนฟื้นฟูยังไม่ชัดเจน หวั่นเงินจ่ายค่าแอร์บัสฝูงใหม่ 7 หมื่นล้าน มีสิทธิ์โดนเบี้ยว
นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนกรณีที่มีข่าวว่า บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรง โดยร้องขอให้กระทรวงการคลังเร่งอัดฉีดเงินช่วยเหลือเร่วงด่วน 3 หมื่นล้านบาท และอาจถึงขั้นต้องใช้เงินกู้จำนวนมากถึง 7 หมื่นล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาวิกฤตในปีนี้ โดยระบุว่า สถานการณ์ตอนนี้คงยังไม่ขนาดนั้น
นายโสภณ ระบุว่า เมื่อสัปดาห์ก่อนได้เรียกข้อมูลการดำเนินงานของการบินไทยมาตรวจสอบแล้ว พบว่าการบินไทยมีปัญหาฐานะการเงินจริง และสถานการณ์ของบริษัทการบินไทยในปัจจุบัน อาจมีความเสี่ยงจากผลการดำเนินงานมากขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันผันผวน และภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยจึงทำให้การท่องเที่ยวลดน้อยลง แต่ยังไม่ย่ำแย่ถึงขั้นล้มละลายในทันที
โดยกระแสข่าวเช้าวันนี้ระบุว่า หากเศรษฐกิจในปีนี้ยังไม่ดีขึ้น การบินไทยอาจมีปัญหาขาดสภาพคล่องเงินสดหมุนเวียนอยู่ระดับ 7-8 หมื่นล้านบาท ส่วนผลประกอบการของการบินไทยปี 2551 ปรากฏว่าประสบปัญหาขาดทุนกว่า 1 หมื่นล้านบาท ถือเป็นปีที่ขาดทุนมากที่สุด จากสิ้นปี 2550 มีกำไรสุทธิ 1,839 ขณะที่งวด 9 เดือนแรกปี 2551 ขาดทุนไปแล้ว 6,611 ล้านบาท
โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ฝ่ายบริหารการปินไทยได้เสนอแผนขอสนับสนุนแหล่งเงินกู้จากรัฐบาล เพื่อแก้วิกฤตสภาพคล่อง พร้อมระบุว่าแผนที่เสนอไปนั้นเป็นเพียงการขอแหล่งเงินสนับสนุน แต่ไม่ได้ระบุว่าจะนำไปดำเนินการในส่วนใดบ้าง และการปรับประสิทธิภาพการดำเนินงาน ก็ไม่บอกว่าจะทำอย่างไร
ทั้งนี้ ในส่วนของค่าเครื่องบินแอร์บัส A330 ฝูงใหม่ จำนวน 8 ลำ อยู่ระหว่างเจรจาขอเลื่อนกำหนดการรับมอบเครื่องบิน และขยายเวลาการชำระหนี้ออกไปจากเดิม แต่จะสามารถขยายเวลาออกไปได้เท่าไหร่นั้นขึ้นอยู่กับการเจรจาของคณะกรรมการฯ (บอร์ด) ชุดใหม่ ที่คาดว่าจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่งตั้ง ในวันพรุ่งนี้ (20 มกราคม 2552)
ก่อนหน้านี้ การบินไทยได้เจรจาขอกู้เงินจากสถาบันการเงินของรับไว้ประมาณหนึ่งหมื่นล้านบาท ประมาณปลายปี 2551 เพื่อนำเงินสดมาเสริมสภาพคล่อง เนื่อง่จากการบินไทยมีปัญหาขาดสภาพคล่องรุนแรงแบ่งเป็นเงินกู้จากธนาคารออมสิน 4,000 ล้านบาท ธนาคารกรุงไทย 4,000 ล้านบาท และอิสลามแบงก์ 2,500 ล้านบาท ระยะเวลากู้ 5 ปี ปลอดอัตราดอกเบี้ย 1 ปี ครบกำหนดชำระตั้งแต่ปี 2553
ทั้งนี้ การบินไทยได้ทยอยเบิกเงินกู้จากสถาบันการเงินดังกล่าวไปบ้างแล้วตั้งแต่ปลายปี 2551 เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน หลังจากผลประกอบการมีปัญหาขาดทุนต่อเนื่อง
นอกจากนี้ แผนงานในปี 2552 การบินไทยยังมีหนี้ที่ครบกำหนดชำระอีก 1.4 หมื่นล้านบาท ทำให้การบินไทยต้องเจรจาขอกู้กับสถาบันการเงินในประเทศทั้ง 3 แห่งเพิ่มเติมอีก เพื่อนำเงินมาขำระหนี้ก้อนนี้รวมถึงกู้เงินมาใช้เป็นเงินหมุนเวียนอีกกว่า 6 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าการบินไทยต้องกู้เงินทั้งหมดกว่า 7 หมื่นล้านบาท โดยมีความพยายามจากบริษัท การบินไทย ขอให้กระทรวงการคลังค้ำประกันวงเงินกู้ดังกล่าวให้กับบริษัทในฐานะที่เป็นรัฐวิสาหกิจซึ่งจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยถูกลง และไม่ต้องใช้สินทรัพย์ค้ำประกัน
สำหรับสาเหตุที่การบินไทยไม่สามารถกู้เงินต่างประเทศได้ เพราะตามแผนก่อหนี้ต่างประเทศในปีงบประมาณ 2552 การบินไทยไม่ได้ทำแผนกู้เงินต่างประเทศมาก่อน รวมทั้งปัจจุบันสภาพคล่องในประเทศก็มีมากพอที่จะกู้และอัตราดอกเบี้ยต่ำ
ด้านราคาหุ้น THAI เช้านี้ ร่วงลงกว่า 5.07% โดยเมื่อเวลา 10.50 น. อยู่ที่ระดับ 6.55 บาท ลดลง 0.35 บาท มูลค่าการซื้อขาย 8.46 ล้านบาท