xs
xsm
sm
md
lg

จับตา ครม.พิจารณา 5 แพกเกจแผนกระตุ้น ศก.ชุดใหญ่ วันนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ครม.เตรียมพิจารณาแผนฟื้นศก.ชุดใหญ่ 5 ด้าน วันนี้ เล็งโปะเพิ่มงบกลางปีอีก 2 หมื่นล้าน การเร่งเบิกจ่ายงบ อปท. 1.4 แสนล้าน และงบลงทุนทั้งภาครัฐและรัฐวิสาหกิจที่มีอยู่ 6 แสนล้าน โดยมาตรการเร่งด่วน ได้แก่ การแก้ไขปัญหาว่างงาน โดยเพิ่มเม็ดเงินในกระเป๋าให้แก่ประชาชน จำนวน 10 ล้านคนที่เป็นผู้ประกันตน และมีเงินเดือนต่ำกว่า 20,000 บาท ซึ่งภาครัฐจะช่วยเหลือด้านค่าครองชีพ โดยจะให้รายละ 2,000 บาท รวมระยะเวลา 1 ปี รวมถึงมาตรการเร่งด่วนแก้ปัญหาธุรกิจเอสเอ็มอี-อสังหาริมทรัพย์

การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ ครม.เตรียมพิจารณาแพกเกจแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจชุดใหญ่จำนวน 5 ด้าน โดยเรื่องเด่นที่จะเป็นวาระในการพิจารณา ได้แก่ เรื่องเพิ่มงบประมาณกลางปี 2552 จากเดิม 100,000 ล้านบาท เพิ่มเป็น 120,000 ล้านบาท โดยเฉพาะการช่วยเหลือด้านแรงงาน และเตรียมพิจารณามาตรการเพิ่มเม็ดเงินในกระเป๋าให้แก่ประชาชน จำนวน 10 ล้านคนที่เป็นผู้ประกันตน และมีเงินเดือนต่ำกว่า 20,000 บาท ซึ่งภาครัฐจะช่วยเหลือด้านค่าครองชีพ โดยจะให้รายละ 2,000 บาท รวมระยะเวลา 1 ปี

นอกจากนี้ ครม.ยังจะพิจารณามาตรการช่วยเหลือภาคอสังหาริมทรัพย์ การแก้ปัญหาการว่างงาน ปัญหาภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กหรือเอสเอ็มอี ภาคส่งออก และภาคการท่องเที่ยว รวมไปถึงกองทุนเศรษฐกิจพอเพียง

นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงงบกลางปีในส่วนที่เกินมา 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเพิ่มเติมเข้ามาใหม่นั้น เป็นการดำเนินการตาม พ.ร.บ.งบประมาณ ที่ระบุว่า หากจะเสนอจัดทำงบประมาณเพิ่มเติม รัฐบาลจะต้องตั้งงบเพื่อชดเชยเงินคงคลังที่มีการใช้ของปีก่อนหน้าไปด้วย

นายกรณ์ ยอมรับว่า รายละเอียดการใช้เงินงบกลางปี 1.2 แสนล้านบาท ขณะนี้ชัดเจนแล้วทั้งหมด เป็นไปตามเงื่อนไขเดิมที่กำหนดไว้ว่าจะต้องลดภาระให้ประชาชนได้จริง นำเงินกลับเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพและรั่วไหลน้อยที่สุด อาทิ การลดภาระผู้ปกครองเรื่องค่าเล่าเรียน เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และมาตรการบรรเทาปัญหาการว่างงาน

นายกรณ์ ระบุว่า นอกจากงบแสนล้านที่จะนำมากระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว รัฐบาลยังมีแผนอื่นเพื่อให้เกิดการกระตุ้นรอบด้าน ได้แก่ การเร่งเบิกจ่ายงบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่ยังมีอยู่ 1.4 แสนล้านบาท โดยเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรง ซึ่งจะเร่งรัดเบิกจ่ายงบลงทุนทั้งภาครัฐและรัฐวิสาหกิจที่มีอยู่ 6 แสนล้านบาท โดยคาดจะเสนอ ครม.เพื่อให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัดของแต่ละรัฐวิสาหกิจและส่วนราชการรับทราบรายละเอียดการเบิกจ่ายและเร่งรัดติดตามต่อไป

ส่วนมาตรการภาษีที่จะออกมาจะเน้นลดภาระประชาชน แก้ปัญหาเฉพาะทางให้เศรษฐกิจเดินหน้า โดยสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจรายใหญ่อาจไม่มีมาตรการที่จะออกมาช่วยโดยตรง แต่จะเป็นการฟื้นความเชื่อมั่นเพื่อให้การลงทุนและการบริโภคมากกว่า ซึ่งจะออกมาตรการนี้ได้ภายในสิ้นเดือนนี้ และสุดท้ายจะเน้นบทบาทสถาบันการเงินเฉพาะกิจเพื่อช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) ที่มียอดขาย 200-300 ล้านบาทต่อปีหรือกลุ่มที่เดือดร้อนจริง โดยผ่านการค้ำประกันการกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ซึ่งคาดจะมีเงินเข้าสู่ระบบหลายแสนล้านบาท

ทั้งนี้ รัฐบาลได้เร่งกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการทางการคลังแล้ว คาดในการพิจารณามาตรการทางการเงินของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 14 มกราคม 2552 นี้ น่าจะมีทิศทางที่สอดคล้องกันไปด้วย

นายกรณ์ ยังกล่าวถึงการเพิ่มทุนของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ โดยเชื่อว่า จะไม่นำมาจากงบกลางปี 1.2 แสนล้านบาท เนื่องจากไม่ตรงกับเป้าหมายการใช้เงิน แต่จะหาจากแหล่งอื่นหรือผันจากที่อื่นมาเพิ่มเติมแทน พร้อมยืนยันว่า รัฐบาลคงไม่มีแนวคิดนำเม็ดเงินจากโครงการก่อสร้างโรงงานยาสูบแห่งใหม่จำนวน 1.6 หมื่นล้านบาทมาใช้ดำเนินการแทน

อย่างไรก็ตาม แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจทั้งหมด คงต้องติดตามผลหลังการประชุม ครม. เพื่อรอดูว่า นโยบายใดจะสามารถดำเนินการได้ในทันที
กำลังโหลดความคิดเห็น