xs
xsm
sm
md
lg

ปตท.ชี้ปีนี้รายได้ต่ำกว่า2ล้านล้าน ลั่นสัปดาห์นี้ไม่ขยับราคาปลีกน้ำมัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปตท.ชี้ปีนี้รายได้ต่ำกว่า 2 ล้านล้านบาท แต่จะประคองกำไรให้เท่าปี 51 เชื่อปีหน้า ปตท.มีรายได้และกำไรโตแน่ หลังเศรษฐกิจฟื้นตัว ราคาน้ำมันขยับขึ้นและโครงการลงทุนแล้วเสร็จ ชูนโยบายให้บริษัทในเครือหาโอกาสทำการซื้อขายล่วงหน้า (ฟอร์เวิร์ด)มากขึ้น ลั่นสัปดาห์นี้ไม่ขยับราคาขายปลีกน้ำมัน หลังน้ำมันดิบส่อแววลด

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ความเข้มแข็งของบริษัทพลังงานลดลง เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวลง กำไรลดลง แต่ภาระต้นทุนสูงขึ้น โดยปีนี้ผลการดำเนินงานของปตท. จะต่ำกว่าปีก่อนที่มีรายได้รวม 2 ล้านล้านบาท แม้ว่าบริษัทฯ จะมีส่วนขยายบางโครงการแล้วเสร็จ ความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น แต่เนื่องจากดีมานด์ด้านพลังงานลด ทำให้ราคาปรับลดลงมาก แต่มั่นใจว่ากำไรสุทธิของปตท.ในปีนี้จะใกล้เคียงกับปีที่แล้ว แม้ว่ากำไรของบริษัทในเครือฯ จะลดลงก็ตาม

ส่วนปี 53 ปตท.จะมีผลประกอบการเติบโตเพิ่มขึ้นทั้งรายได้และกำไรสุทธิ สูงขึ้นกว่าปี 52 เนื่องการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจดีขึ้น อีกทั้งโครงการลงทุนในเครือปตท.แล้วเสร็จ อาทิ โรงแยกก๊าซฯแห่งที่ 6 โรงเอทิลีนแครกเกอร์ 1 ล้านตัน และอื่นๆ แม้ว่าธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมียังไม่ฟื้นตัวมากนัก เพราะอยู่ในช่วงวัฎจักรขาลง โดยในปี 54 ปตท.จะมีผลการดำเนินงานโตอย่างโดดเด่น

ทั้งนี้ ปี 53 ปตท.จะรับรู้รายได้จากบมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (ปตท.สผ.)ที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่นจากราคาน้ำมันที่ปรับ ส่วนกลุ่มโรงกลั่นจะไม่มีปัญหาด้านการขาดทุนสต็อกน้ำมันเหมือนปี 51 เพียงแต่กำไรไม่มากเป็นหมื่นล้านบาทเหมือนในอดีต

นายประเสริฐ กล่าวต่อไปว่า จากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ปตท.วางนโยบายให้บริษัทในเครือมีการร่วมมือกันมากขึ้น และหาโอกาสการบริหารจัดการเรื่องการซื้อขายล่วงหน้า(ฟอร์เวิร์ด) เพื่อช่วยป้องกันความเสี่ยงให้มากขึ้น โดยเน้นให้ บมจ.ปตท.สผ. กลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมีต้องให้ความสำคัญในเรื่องนี้ เนื่องจากปัจจุบันราคาน้ำมันซื้อขายล่วงหน้าปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าราคาน้ำมันช่วงนี้ หากพบว่าราคาน้ำมันล่วงหน้าปรับขึ้นสูงกว่าประมาณการไว้ ก็จะทำการขาย ล่วงหน้า ซึ่งจะช่วยให้ผลการดำเนินงานของปตท.ดีขึ้น โดยปตท.ประเมินราคาน้ำมันช่วงต้นปีนี้อยู่ที่ 40 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และปลายปีนี้อยู่ที่ 50-60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

"ไตรมาส 4/2551 กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นประสบปัญหาการขาดทุนมาก เป็นผลจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดอย่างรวดเร็วทำให้ขาดทุนสต็อกน้ำมัน ทำให้ผลการดำเนินของปตท.และบริษัทย่อยในไตรมาส 4/2551 ส่อแววขาดทุนสุทธิ แต่ผลประกอบการทั้งปี ปตท.ยังมีกำไรสุทธิอยู่"

****สัปดาห์นี้น้ำมันไม่ขยับราคา

นายประเสริฐ กล่าวต่อไปว่ ปตท.จะยังไม่ปรับขึ้นราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้ แม้ค่าการตลาดจะอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำ โดยมีค่าเฉลี่ยประมาณ 50-70 สตางค์ต่อลิตรก็ตาม เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับลดลง 4-5 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แต่หากราคาตลาดโลกสัปดาห์หน้าปรับขึ้นอีกก็คงจะต้องพิจารณาใหม่

ส่วนราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) และเอ็นจีวี จะมีการปรับเปลี่ยนหรือไม่นั้น นายประเสริฐ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐบาล ซึ่งคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) จะมีการพิจารณาในสัปดาห์หน้า โดยในส่วนของแอลพีจี ขณะนี้ ปตท. แบกรับภาระการนำเข้ามาให้ก่อน 8,000 ล้านบาท หากกระทรวงพลังงานจะนำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาทยอยชำระก็ไม่ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานในปีนี้

สำหรับก๊าซเอ็นจีวีที่ตรึงราคา 8.50 บาทต่อกิโลกรัม หากปีนี้รัฐไม่มีนโยบายให้ปรับขึ้นราคา จะส่งผลกระทบการขยายการลงทุนเพื่อบริการประชาชนในอนาคต เพราะไม่สามารถแบกรับภาระขาดทุนได้ตลอดจากปัจจุบันต้นทุนเอ็นจีวีอยู่ที่ 12 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ผ่านมา ปตท.รับภาระเรื่องนี้วงเงินสูงไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านบาทต่อปี

"จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ทำให้รถยนต์ที่ดัดแปลงให้ก๊าซหุงต้มและก๊าซเอ็นจีวีก็น้อยลง ปตท.จึงมีเวลาในการปรับปรุงระบบภายในและการบำรุงรักษา การเพิ่มสถานีเอ็นจีวีเพื่อให้เพียงพอต่อรถยนต์ที่ดัดแปลงที่มีอยู่แล้ว 1.2 แสนคัน รวมทั้งหารือกับรัฐบาลว่ามีนโยบายในการส่งเสริมการใช้เอ็นจีวีอย่างไร รวมทั้งราคาเอ็นจีวีที่เหมาะสมด้วย เพื่อไม่ให้เกิดเป็นภาระต่อบริษัท "

***กู้4.2พันล.ผุด"บิสฟีนอลเอ"

วานนี้ (9 ม.ค.) บริษัท พีทีที ฟีนอล จำกัด ได้ลงนามสัญญาเงินกู้ระหว่าง ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารทหารไทย และธนาคารออมสิน วงเงิน 4,250 ล้านบาท เพื่อใช้ในการก่อสร้างโครงการบิสฟีนอลเอ ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องจากโครงการฟีนอล คาดว่าจะแล้วเสร็จกลางปี 53

โครงการบิสฟีนอลเอ เป็นการผลิตเม็ดพลาสติกวิศวกรรมที่มีคุณค่าสูงใช้ในหลายอุตสาหกรรม เช่น ยานยนต์ เครื่องมือแพทย์ คอมพิวเตอร์ แผ่นซีดี-ดีวีดี มีกำลังการผลิต 150,000 ตันต่อปี โดยปตท.ถือหุ้น 40% บมจ.ปตท.เคมิคอล 30% และบมจ.ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น 30%
กำลังโหลดความคิดเห็น