"สังศิต" แนะรัฐบาลใหม่ หากจะใช้นโยบายประชานิยม เพื่อฟื้นฟูภาคศก. ต้องใช้ควบคู่กับหลักธรรมาภิบาล ไม่ใช่การมอมเมารากหญ้า เน้นกู้สร้างหนี้วัตถุนิยม ซื้อมือถือ-จักรยานยนต์ ซึ่งมีบทเรียนจากรัฐบาลชุดก่อน เตือนทีมศก. ถ้าฝีมือไม่เจ๋งพอ “ครม.อภิสิทธิ์1” อาจไปไม่รอด เพราะแบกความคาดหวังไว้สูง
นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ อดีตประธานคณะกรรมาธิการการคลังการธนาคารและสถาบันการเงิน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ กล่าวถึงกระแสข่าวที่รัฐบาลใหม่เตรียมนำนโยบายประชานิยมมาใช้ดูแลเศรษฐกิจ เป็นการสานต่อของสมาชิกพรรคไทยรักไทยเดิม ที่ย้ายมาสนับสนุนรัฐบาลใหม่ คงไม่ใช่เรื่องที่น่าตำหนิ แต่ควรต้องให้นโยบายมีธรรมาภิบาลด้วย เนื่องจากการนำนโยบายมาใช้ยังมีข้อจำกัด ซึ่งมีบทเรียนจากรัฐบาลชุดก่อนๆ ทำให้มองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะเป็นการใช้เพื่อวัตถุนิยม มอมเมารากญ้า
นายสังศิต กล่าวอีกว่า รัฐบาลควรตั้งคณะทำงานประเมินผล 6 มาตรการ 6 เดือน เพื่อพิจารณามาตรการที่จำเป็น โดยส่วนตัวเห็นว่า ขณะนี้มาตรการที่เกี่ยวเนื่องกับราคาน้ำมันไม่มีความจำเป็นต้องขยายเวลาต่อไป ซึ่งการนำนโยบายประชานิยมมาใช้ คงต้องครอบคลุมประชาชนทุกภาคส่วนมากขึ้น และเชื่อว่า ฐานะการคลังยังยืดหยุ่นรองรับการใช้นโยบายได้
นายสังศิต ยังกล่าวถึงโฉมหน้า ครม.อภิสิทธิ์ 1 โดยมองว่า รัฐบาลชุดนี้ประชาชนมีความคาดหวังสูงมาก เพราะจัดตั้งขึ้นหลังจากที่ 2 รัฐบาลที่ผ่านมาล้มเหลว ก่อปัญหามากมายทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจ ประชาชนจะเรียกร้องให้แก้ปัญหาโดยเร็ว ซึ่งสวนทางกับขีดความสามารถของคณะรัฐมนตรีที่มีความเปราะบางมาก เพราะเป็นการประสานกันของกลุ่มผลประโยชน์อันหลากหลายโดยเฉพาะกลุ่มทุนที่เป็นปัจจัยหลักทำให้จัดตั้งรัฐบาลได้ แม้แต่ทีมเศรษฐกิจที่เห็นขณะนี้ก็ยังไม่พอที่จะมากู้ชีพเศรษฐกิจไทย
“การที่สภาหอการค้าออกมาแสดงความผิดหวังในทีมเศรษฐกิจตั้งแต่เริ่มเห็นตัวครม.อย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมา ถือเป็นเรื่องน่าห่วง เพราะเป็นการส่งสัญญาณที่รวดเร็วมาก ซึ่งอาจจะมาจากการตั้งความหวังไว้สูง หลังจากที่ไม่เคยคาดหวังอะไรกับรัฐบาล 2 ชุดที่ผ่านมา ดังนั้นรัฐบาลนี้จะไปรอดหรือไม่ขึ้นอยู่กับว่าประชาชนจะมีความอดทนรอให้นายอภิสิทธิ์แก้ปัญหาได้นานแค่ไหน ซึ่งผมคิดว่าประชาชนจะอดทนไม่นาน” นายสังศิต กล่าวสรุปทิ้งท้าย