ผู้บริหาร"อั๊คโซ่ฯ"ชื่อใหม่สีไอซีไอ ชี้ต้นทุนสีปรับตัวท่วมรายได้ คาดปี52ผู้ผลิตสีตลาดล่างบางส่วนแห่ปิดกิจการหนีต้นทุนใหม่ พร้อมเดินหน้าขยายตลาด ทุ่มงบกว่า100ล้านบาท ลุยทำกิจกรรมตลาด เน้นเจาะกลุ่มผู้บริโภค หลังเศรษฐกิจชะลอตัว ผู้ประกอบการพัฒนาที่อยู่อาศัยลดเปิดโครงการใหม่
นายจรุง กาญจนภูมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อั๊คโซ่ โนเบล เพ้นท์ส (ประเทศไทย) จำกัด หรือ บริษัทสีไอซีไอ กล่าวว่า สีไอซีไอ ได้เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น อั๊คโซ่ โนเบล เพ้นท์ส (ประเทศไทย) ซึ่งมีผลในวันที่2 ม.ค.52 หลังจากที่ อั๊คโซ่โนเบลฯ จากประเทศอังกฤษ เข้าซื้อกิจการ ส่วนตราสินค้า(แบรนด์) ของไอซีไอ จะยังคงใช้แบรนด์เดิม ทั้งนี้ การเข้าซื้อกิจการสีไอซีไอของอั๊คโซ่ฯ เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้าในส่วนของกลุ่มผู้บริโภคโดยตรง
เนื่องจากบริษัทสีไอซีไอ ถือว่าเป็นบริษัทที่มีฐานตลาดสีทาอาคารใน50ประเทศทั่วโลก ซึ่งรูปแบบการดำเนินธุรกิจของสีไอซีไอนั้น จะมีรูปแบบการดำเนินการระหว่างธุรกิจกับผู้บริโภค(B to C) ในขณะที่อั๊คโซ่ฯมีรูปแบบการทำตลาดระหว่างธุรกิจต่อธุรกิจ(B to B) ดังนั้น การเข้าซื้อกิจการของสีไอซีไอ จึงเป็นการขยายฐานกลุ่มลูกค้าเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง เนื่องจากไอซีไอมีจุดแข็งในด้านดังกล่าว โดยปัจจุบันสีไอซีไอ มีส่วนแบ่งตลาด15% จากมูลค่าตลาดรวม 12,500 ล้านบาท
นายจรุงกล่าวว่า สำหรับนโยบายด้านการดำเนินงานของอั๊คโซ่ฯ (ประเทศไทย) นั้น จะยังคงเน้นการดำเนินงานต่อเนื่องจากนโยบายการตลาดเดิม คือ เน้นการขยายช่องทางการตลาด และการขายผ่านตัวแทนจำหน่ายเป็นหลัก โดยเน้นตลาดพรีเมียม ซึ่งยังขยายตัวต่อเนื่อง ส่วนสีตลาดระดับล่างจะมีผู้ประกอบการเลิกกิจการไปจำนวนหนึ่ง เนื่องจากต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ไม่สามารถปรับราคาขายได้ทำให้กำไรไม่คุ้มทุน
สำหรับรูปแบบการทำตลาดในปี 2552 บริษัทฯจะเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าผู้บริโภคโดยตรง เนื่องจากเป็นกลุ่มลูกค้ากลุ่มใหญ่ โดยมีสัดส่วนยอดขาย 80% ของตลาดรวม ในขณะที่ยอดขายในตลาดโครงการหรือผ่านผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ 20% ซึ่งบริษัทจะใช้งบการตลาดในปี2552 ไม่ต่ำกว่า100ล้านบาท
“ในช่วงไตรมาส3ของปีนี้เราคาดว่าปีหน้าตลาดสีรวมจะอัตราการเติบโตของปริมาณการขายเพิ่ม0.4% ขณะที่มูลค่าขายจะเติบโตประมาณ5% แต่จากภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ ทำให้ประมาณการว่าตลาดอสังหาจะไม่ขยายตัว ส่วนกลุ่มผู้บริโภคจะชะลอการปรับปรุงบ้านลง ทำให้คาดว่าในปีหน้ามูลค่าตลาดรวมจะเติบโตไม่เกิน2.5% ในขณะที่ปริมาณการขายสีรวมจะลดลงอีก”
นายจรุง กาญจนภูมิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อั๊คโซ่ โนเบล เพ้นท์ส (ประเทศไทย) จำกัด หรือ บริษัทสีไอซีไอ กล่าวว่า สีไอซีไอ ได้เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น อั๊คโซ่ โนเบล เพ้นท์ส (ประเทศไทย) ซึ่งมีผลในวันที่2 ม.ค.52 หลังจากที่ อั๊คโซ่โนเบลฯ จากประเทศอังกฤษ เข้าซื้อกิจการ ส่วนตราสินค้า(แบรนด์) ของไอซีไอ จะยังคงใช้แบรนด์เดิม ทั้งนี้ การเข้าซื้อกิจการสีไอซีไอของอั๊คโซ่ฯ เพื่อเป็นการขยายฐานลูกค้าในส่วนของกลุ่มผู้บริโภคโดยตรง
เนื่องจากบริษัทสีไอซีไอ ถือว่าเป็นบริษัทที่มีฐานตลาดสีทาอาคารใน50ประเทศทั่วโลก ซึ่งรูปแบบการดำเนินธุรกิจของสีไอซีไอนั้น จะมีรูปแบบการดำเนินการระหว่างธุรกิจกับผู้บริโภค(B to C) ในขณะที่อั๊คโซ่ฯมีรูปแบบการทำตลาดระหว่างธุรกิจต่อธุรกิจ(B to B) ดังนั้น การเข้าซื้อกิจการของสีไอซีไอ จึงเป็นการขยายฐานกลุ่มลูกค้าเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง เนื่องจากไอซีไอมีจุดแข็งในด้านดังกล่าว โดยปัจจุบันสีไอซีไอ มีส่วนแบ่งตลาด15% จากมูลค่าตลาดรวม 12,500 ล้านบาท
นายจรุงกล่าวว่า สำหรับนโยบายด้านการดำเนินงานของอั๊คโซ่ฯ (ประเทศไทย) นั้น จะยังคงเน้นการดำเนินงานต่อเนื่องจากนโยบายการตลาดเดิม คือ เน้นการขยายช่องทางการตลาด และการขายผ่านตัวแทนจำหน่ายเป็นหลัก โดยเน้นตลาดพรีเมียม ซึ่งยังขยายตัวต่อเนื่อง ส่วนสีตลาดระดับล่างจะมีผู้ประกอบการเลิกกิจการไปจำนวนหนึ่ง เนื่องจากต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ไม่สามารถปรับราคาขายได้ทำให้กำไรไม่คุ้มทุน
สำหรับรูปแบบการทำตลาดในปี 2552 บริษัทฯจะเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าผู้บริโภคโดยตรง เนื่องจากเป็นกลุ่มลูกค้ากลุ่มใหญ่ โดยมีสัดส่วนยอดขาย 80% ของตลาดรวม ในขณะที่ยอดขายในตลาดโครงการหรือผ่านผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ 20% ซึ่งบริษัทจะใช้งบการตลาดในปี2552 ไม่ต่ำกว่า100ล้านบาท
“ในช่วงไตรมาส3ของปีนี้เราคาดว่าปีหน้าตลาดสีรวมจะอัตราการเติบโตของปริมาณการขายเพิ่ม0.4% ขณะที่มูลค่าขายจะเติบโตประมาณ5% แต่จากภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ ทำให้ประมาณการว่าตลาดอสังหาจะไม่ขยายตัว ส่วนกลุ่มผู้บริโภคจะชะลอการปรับปรุงบ้านลง ทำให้คาดว่าในปีหน้ามูลค่าตลาดรวมจะเติบโตไม่เกิน2.5% ในขณะที่ปริมาณการขายสีรวมจะลดลงอีก”