ประธาน ก.ล.ต.สหรัฐฯ ยอมรับคดี "มาดอฟฟ์" ทำภาพองค์กรเสียหาย

ประธาน ก.ล.ต.สหรัฐฯ ยอมรับภาพลักษณ์องค์กรเสียหายหนัก หลังเฮดจ์ฟันด์ของ "มาดอฟฟ์" อดีตผู้บริหารตลาดหุ้น ทำธุรกิจแชร์ลูกโซ่โดยตั้งกองทุนบังหน้า หลอกลวงลูกค้า หลังสถาบันการเงินชื่องดังของโลกนับสิบแห่งตกเป็นเหยื่อ และมีมูลค่าความเสียหายสูงกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์

วันนี้ (17 ธันวาคม 2551) นายคริสโตเฟอร์ คอกซ์ ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (ก.ล.ต.) หรือ SEC กล่าวแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่นายเบอร์นาร์ด มาดอฟฟ์ อดีตประธานกรรมการตลาดหุ้นนาสแดค (NASDAQ) ที่จัดตั้งกองทุนเฮดจ์ฟันด์ในรูปแบบของแชร์ลูกโซ่อย่างผิดกฎหมาย พร้อมกับเรียกร้องให้มีการตรวจสอบระบบการทำงานภายในองค์กร ก.ล.ต.ของสหรัฐฯ

นายคอกซ์กล่าวว่า ความบกพร่องของ SEC ในเรื่องการตรวจสอบกองทุนของนายมาดอฟฟ์ ได้สร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของ SEC อย่างมาก และทำให้ความน่าเชื่อถือของ SEC ถดถอยลงอย่างหนักเหมือนเมื่อครั้งที่เกิดเรื่องอื้อฉาวขึ้นในปี พ.ศ.2543 พร้อมกับเรียกร้องให้คณะอัยการของสหรัฐฯ เข้าตรวจสอบการดำเนินงานของ SEC ได้อย่างเต็มรูปแบบและในทันที

นายคอกซ์ ยังแสดงความเสียใจต่อความล้มเหลวของ SEC ที่ไม่ได้ตรวจสอบกองทุนของนายมาดอฟฟ์อย่างละเอีดรอบคอบ ส่งผลให้เกิดการสูญเสียสินทรัพย์ของสถาบันการเงินและบริษัทใหญ่ๆทั่วโลก พร้อมกล่าวว่าคณะกรรมการ SEC ที่มีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับนายมาดอฟฟ์จะไม่ได้อนุญาตให้เข้าไปมีส่วนในการตรวจสอบมาดอฟฟ์และบริษัทของเขา

นายมาดอฟฟ์ ในวัย 70 ปี ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2551 ที่ผ่านมา ในข้อหาจัดตั้งกองทุนเฮดจ์ฟันด์ในรูปแบบของ แชร์ลูกโซ่ (ponzi scheme) ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับลูกค้าที่เข้าลงทุนในกองทุนดังกล่าวเป็นวงเงินถึง 5 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยสถาบันการเงินและบริษัทรายใหญ่ที่ได้รับความเสียหายครั้งนี้ รวมถึง ธนาคาร HSBC ธนาคารบีเอ็นพี พาริบาส์ และโนมูระ โฮลดิ้งส์

ศาสตราจารย์เจมส์ ค็อกซ์ อาจารย์ประจำภาควิชากฎหมายแห่งมหาวิทยาลัยดุ๊ค รัฐนอร์ธแคโรไลนา กล่าวถึงกรณีที่ประธาน SEC ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย และไม่เคยมีครั้งใดที่คณะกรรมการ SEC จะถูกวิพากษ์วิจารย์อย่างหนักในเรื่องความไม่โปร่งใสด้านการตรวจสอบเหมือนในครั้งนี้