กนอ.ปรับแผนปี 52 รับผลกระทบการลงทุนฃะลอตัวจากเศรษฐกิจโลก เร่งทำแผนใหม่สร้างแรงจูงใจเพื่อดึงดูดการลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ทั้งด้านราคาซื้อขายสินทรัพย์สิทธิประโยชน์ที่จะได้รับเมื่อเข้ามาลงทุนในไทย พร้อมชะลอการขยายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ทั้งในส่วนของโครงการเดิม และโครงการที่จะขยายเพิ่มเติม ยอมรับ 3 กลุ่มโรงงาน กำลังโคม่า ทั้งอิเลกทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และชิ้นส่วนยานยนต์
วันนี้ (12 ธันวาคม 2551) นางมณฑา ประณุทนรพาล ผู้ว่าการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวถึงแผนการรับมือการลงทุนที่มีแนวโน้มชะลอตัวจากภาวะวิกฤตเศรษฐกิจโลก โดยระบุว่า กนอ.กำลังเตรียมการที่จะประสานงานกับหลายหน่วยงาน เพื่อจัดทำแผนสร้างแรงจูงใจเพื่อดึงดูดการลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ทั้งด้านราคาซื้อขายสินทรัพย์สิทธิประโยชน์ที่จะได้รับเมื่อเข้ามาลงทุนในไทย ส่วนการพัฒนาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเพื่อรองรับการลงทุนของต่างชาตินั้น กนอ.จะได้หารือกับผู้ประกอบการเพื่อชะลอการขยายพื้นที่นิคมใหม่ออกไปก่อน ทั้งในส่วนของโครงการที่มีอยู่แล้วจะขยายเพิ่มเติม เพื่อประเมินภาพรวมเศรษฐกิจอีกครั้งหนึ่ง
สำหรับการเลิกจ้างงานนั้น ปัจจุบันผู้ประกอบการที่ชะลอการผลิตลง พบว่าโรงงานที่อยู่นอกนิคมอุตสาหกรรมเลิกจ้างมากกว่าโรงงานที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม โดยโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมมี 3,000 โรง สำหรับโรงงานที่เลิกจ้างนั้นส่วนใหญ่ผลิตชื้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และชิ้นส่วนยานยนต์ แต่บ้างแห่งไม่เลิกจ้าง แต่ใช้วิธีพัฒนาฝีมือแรงงาน เพื่อรอโอกาสการพลิกฟื้นได้อีกครั้ง ก็จะพร้อมผลิตป้อนตลาดได้
ทั้งนี้ ปัญหาการเลิกจ้างงานที่กำลังเกิดขึ้น กนอ.จะประสานผู้ประกอบการและโรงงานว่าแห่งใดเลิกจ้างและแห่งใดต้องการพนักงานเพิ่ม เพื่อจะได้ช่วยเหลือพนักงานให้มีงานทำ และในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ กระทรวงแรงงานได้เชิญ กนอ.ประชุมหารือรับมือวิกฤติทางเศรษฐกิจ เพื่อหามาตรการที่จะดูแลแรงงานและอุตสาหกรรม โดยอุตสาหกรรมอาหารยังไปได้ ทั้งนี้ ต้องดูตลาดส่งออกของไทยด้วยว่าจะดีขึ้นหรือไม่ โดยเฉพาะไตรมาสที่ 1 ของปีหน้าด้วย