xs
xsm
sm
md
lg

ก.ล.ต.เผยแผนเพิ่มศักยภาพตลาดทุนไทย ยกระดับเน้นศักยภาพแปรรูปเทียบสากล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ก.ล.ต.เผย แผนการดำเนินงานปี 52-54 เน้นพิ่มศักยภาพของตลาดหุ้นไทยเทียบเท่าตลาดโลก พร้อมเปิดเสรีการซื้อขายหลักทรัพย์ปี 55 โดยซื้อขายหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ประเดิมปี 53 ก่อน ก่อนแปรรูปตลาดหลักทรัพย์และยกเลิกการผูกขาด เพื่อเชื่อมโยงกับตลาดอื่น ยกระดับความเป็นสากลและแข่งขันได้

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปี 2552-2554 ที่จะมุ้งเน้นด้านการเอื้ออำนวยให้เกิดนวัตกรรมในตลาดทุน (foster business innovation) โดยจะส่งเสริมสินค้าทางการเงินใหม่ ๆ และนำสินทรัพย์ใหม่ๆ เข้ามาในตลาดทุน (new asset class) เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ผู้ลงทุนที่มีระดับการรับความเสี่ยงที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ เตรียมจะพิจารณาแยกกลุ่มผุ้ลงทุนมีฐานะดี (high net worth) ออกจากผู้ลงทุนทั่วไป เนื่องจากผู้ลงทุนในกลุ่มดังกล่าวมีสัดส่วนทรัพย์สินอยู่ในปริมาณสูง และมีความสามารถในการดูแลตนเองในการประเมินความเสี่ยงได้มากกว่านักลงทุนทั่วไป และเป็นอีกช่องทางในการระดมทุนของโครงการหรือธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง

สำหรับการส่งเสริมการแข่งขัน (Promote Competition) ทาง ก.ล.ต.ตั้งเป้าให้ผู้ประกอบการลดต้นทุนให้แก่ผู้ลงทุนในตลาดหุ้นไทย และได้เสนอให้กระทรวงการคลังออกกฎกระทรวงเพื่อเปิดเสรีใบอนุญาติหลักทรัพย์เป็นการทั่วไป โดยจะมีผลตั้งแต่ 1 มกราคม 2555 โดยเตรียมให้ตลาดหลักทรัพย์ประกาศเปิดเสรีค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์เป็นการล่วงหน้า ทั้งนี้จะเริ่มในการซื้อขายหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ในปี 2553 เพื่อเป็นการปรับลดต้นทุนการประกอบธุรกิจและการทำรายการซื้อขาย และคาดว่า จะสามารถเปิดเสรีทั้งหมดในปี 2555

ทั้งนี้ ในการเตรียมการดังกล่าว เพื่อเข้าเป็นส่วนหนึ่งในตลาดทุนโลก ทาง ก.ล.ต.มีแผนจะแปรสภาพตลาดหลักทรัพย์ (demutualization) และยกเลิกการผูกขาดในธุรกิจตลาดหลักทรัพย์ฯ ทั้งการชำระราคาและส่งมอบ รวมถึงให้ตลาดหลักทรัพย์เปิด trading access ให้ผู้อื่นที่ไม่ใช่สมาชิกเดิม และสนับสนุนการเชื่องโยงกับตลาดอื่นได้

ส่วนบทบาทและหน้าที่ของทาง ก.ล.ต.กำลังจะปฏิรูปการกำกับดูแล กระบวนการทำงาน และกฏเกณฑ์เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการมากขึ้น โดยจะเปิดให้ภาคเอกชนและผู้ประกอบการวิชาชีพ และผู้ลงทุนเข้ามามีส่วนร่วมในการกำกับดูแลตนเองมากขึ้น (self regulatory organization) ตลอดจนเตรียมจะพัฒนากลไกเพื่อเพิ่มอำนาจให้แก่ผู้ลงทุนในการใช้สิทธิของตนเสนอปรับปรุงแก้ไขกฏระเบียบเพื่อให้สิทธิผู้ลงทุนเป็นหลักสากล

อย่างไรก็ตาม ทาง ก.ล.ต.ยังคงให้ความสำคัญกับด้านดูแลรักษาความเป็นระเบียบร้อยของตลาด (maintain orderly market)และด้านการคุ้มครองผู้ลงทุน (ensure investor protection) เนื่องจากเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการสร้างความแข็งแกร่งในช่วงที่ผ่านมา

“เป้าหมายในระยะต่อไปของตลาดทุนไทย คือ การปรับสัดส่วนการกำกับดูแลของทั้ง 3 ส่วนให้มีน้ำหนักเท่ากัน อันได้แก่ กฎระเบียบของทางการ การดูแลตนเองของผู้ประกอบการในธุรกิจอุตสาหกรรม และการใช้สิทธิของผู้ถือหุ้น เพื่อปกป้องประโยชน์ของตนเอง โดยมีปัจจัยองค์ประกอบที่จำเป็น ได้แก่ การให้ความรู้และประสิทธิภาคในการใช้สิทธของผู้ลงทุน การบังคับใช้กฎหมาย จรรยาบรรณของผู้ประกอบการ และการกำกับดูแลกิจการที่ดี ซึ่งเป็นหน้าที่ของ ก.ล.ต.โดยทุกฝ่ายจะต้องร่วมแรงร่วมใจกัน เพื่อให้ตลาดทุนไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้” นายธีระชัย กล่าว

ขณะที่ผลงานที่สำคัญในปีที่ผ่านมา ทาง ก.ล.ต.ได้ดำเนินการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการยกระดับการทำธุรกิจได้อย่างครงวงจร เพิ่มความคล่องตัวและสร้งความยืดหยุ่นเพื่อรองรับการจัดโครงการทำธุรกิจเช่น ผ่อนปรนให้บริษัทหลักทรัพย์สามารถแต่งตั้งผู้บริหารไขว้ในบริษัหลักทรัพย์อื่นได้ เพื่อเป็นการเตียมความพร้อมในการเข้าเป็นส่วนหนึ่งของตลาดทุนโลกในปีหน้า อีกทั้งได้สนับสนุนให้เกิด Single stock futures ซึ่งเป็นเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ในตลาดอนุพันธ์ (TFEX) ซึ่งเริ่มเปิดการซื้อขายไปแล้วตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน 2551

ทั้งนี้ ในปีหน้า ก.ล.ต.เตรียมออกผลิตภัณฑ์ gold furtures ซึ่งจะเปิดซื้อขายในเดือนกุมภาพันธ์ 2552 โดยให้ผู้ประกอบธุรกิจซื้อขายทองคำสามารถขอเป็นตัวแทน หรือมีส่วนร่วมในธุรกิจดังกล่าวได้หลายรูปแบบ รวมทั้งได้มีการออก พ.ร.บ.ทรัสต์ เพื่อธุรกรรมในตลาดทุน พ.ศ.2550 ซึ่งเป็นเครื่องมือในการพัฒนาสินค้าใหม่ ซึ่งกฏหมายดังกล่วจะมีผลบังคับใช้แล้วเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2551

นอกจากนี้ ก.ล.ต.ยังได้มีการแก้ไขกฎหมายหลักทรัพยในประเด็นที่ยังหย่อนไปจากมาตรฐานสากล อาทิ การคุ้มครองสิทธิผู้ถือหุ้น การคุ้มครองทรัพย์สินลูกค้า ระบบการชำระและส่งมอบหลักทรัพย์ เพื่อเป็นการป้องปรามการทุจริต

อย่างไรก็ตาม จากวิกฤตการเงินโลก ที่ส่งผลต่อตลาดทุนไทยมีความผันผวนอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ก.ล.ต.มีการออกมาตราเพื่อบรรเทาปัญหาดังกล่าว อาทิ การยกเลิกจำนวนหุ้นขั้นต่ำ (10% ของจำนวนสิทธิออกเสียงทั้งหมด) ที่ต้องทำคำเสนอซื้อกรณีเสนอซื้อแบบบางส่วน (partial tender offer) และปรับปรงุขั้นตอนและกระบวนการระดมทุนของบริษัทจดทะเบียนให้สะดวกรวดเร็วขึ้น เป็นต้น
กำลังโหลดความคิดเห็น