บอสใหญ่เดโชโย่(ไทยแลนด์ฯ) อาศัยวิกฤตเป็นโอกาส เตรียมรุกตลาดธุรกิจสระว่ายน้ำภายใต้แบรนด์'เดโชโย่'เต็มลูกสูบ ลุยตั้งสาขาให้ครบ 20 แห่งภายในปี 52 วางหมากสาขาตามภูมิภาครุกคืบเข้าสู่ประเทศเพื่อนบ้านทั้งประเทศลาวและอินเดีย พร้อมโชว์ศักยภาพนักบริหารระดับมืออาชีพ เจรจาเจ้าของเดโชโย่ฝรั่งเศลขอเครดิตสั่งสินค้า 1 ปี ใช้ไทยเป็นฮับกระจายสินค้าสู่ภูมิภาคเอเชีย ชี้ผลประโยชน์เกิดกับทุกฝ่าย
นายไกรฤกษ์ คชชะ ประธานกรรมการเดโชโย่ (ไทยแลนด์) กรุ๊ป จำกัด ผู้แทนจำหน่ายสระว่ายน้ำคุณภาพเยี่ยมแบรนด์ดังระดับโลก "Desjoyaux" แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เปิดเผยว่าถึงยุทธศาสตร์การขยายความเติบโตของเดโชโย่ฯว่า จากความพยายามในช่วงที่ผ่านมา ได้ส่งผลให้ภาพลักษณ์ขององค์กรปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ ลูกค้าให้การยอมรับในสินค้าของบริษัท ขณะเดียวกันโดยเครือข่ายทางสาขาของเดโชโย่ฯที่กระจายไปตามภูมิภาคต่างๆ ก็เป็นส่วนที่เพิ่มช่องทางการตลาดที่จะขยายตลาดให้ครอบคลุมไปถึงตลาดภูมิภาคเอเชีย ซึ่งในปัจจุบัน บริษัทเดโชโย่ฯมี 12 สาขา และจะขยายให้ครบ 20 สาขาภายในปี 2552 ได้แก่ ที่จ.นครราชสีมา , พิษณุโลก , นครสวรรค์ ,ชลบุรี และในกรุงเทพฯอีก 4 แห่ง
"แต่ละสาขาที่เปิด มีความสำคัญและเป็นหน่วยที่จะสนับสนุนให้บริษัทมีความเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต เช่น ภายในเดือนพ.ย.นี้ จะเปิดสาขาที่จ.อุดรธานีและที่จ.อุบลราชธานี ก็เพื่อกำหนดเป้าหมายการรุกเข้าสู่กลุ่มลูกค้าในประเทศลาว และยังมีแผนที่จะบุกตลาดในประเทศอินเดียด้วย ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ มีแนวโน้มที่กำลังซื้อเติบโตอย่างต่อเนื่อง"นายไกรฤกษ์กล่าวและชี้ว่า
แม้สถานการณ์ของเศรษฐกิจโลก เข้าสู่ภาวะถดถอยจากวิกฤตการเงิน ทำให้บรรยากาศตอนนี้ไม่น่าจะลงทุน แต่ใช่ว่าจะเกิดขึ้นกับทุกประเทศ ถ้าจะเปรียบเทียบแล้ว ในช่วงเกิดสงคราม ก็มีคนรวยจากสงคราม ช่วงเกิดวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ก็มีคนรวยจากวิกฤต และในเมื่อประเทศยุโรปมีปัญหา แต่ประเทศต่างๆในภูมิภาคเอเชียยังดีอยู่ ทำให้ในช่วงนี้ เป็นโอกาสดีในการลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจสระว่ายน้ำ เพราะมีผลดีกับองค์กร เป็นการตอกย้ำแบรนด์เดโชโย่ และเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้น ขณะเดียวกันเพิ่มอำนาจต่อรองกับผู้รับเหมาได้
"อย่าลืมประเทศไทย เศรษฐกิจไม่เคยซบเซานาน ไม่มี ซึ่งประเทไทยเดินได้ด้วยภาคเอกชน ดังนั้นจึงคิดว่า ใครที่มีเงิน ควรลงทุน เพราะการแข่งขันน้อย และยังช่วยสร้างเศรษฐกิจให้ดีขึ้นด้วย ส่วนใครที่มีทุนน้อยก็อย่าคิดเหมือนคนอื่นๆ ไม่งั้นมีโอกาสสิ้นชื่อ"ประธานกรรมการฯกล่าว พร้อมโชว์ศักยภาพในฐานะผู้นำธุรกิจสระว่ายน้ำในไทยว่า
ขณะนี้ ตนกำลังเจรจากกับเจ้าของเดโชโย่ในประเทศฝรั่งเศล เพื่อขอเครดิตจากเดโชโย่ฝรั่งเศลเป็นเวลา 1 ปี ในการนำสินค้ามารวมไว้ในภูมิภาคเอเชีย โดยมีเดโชโย่(ไทยแลนด์)เป็นแหล่งกระจายสินค้าหลักไปยังประเทศต่างๆในภูมิภาคนี้ เนื่องจากมีหลายประเทศในเอเชีย ยังมีความแข็งแกร่งทางด้านเศรษฐกิจและแนวโน้มเติบโตขึ้นอีก
ทั้งนี้ ผลประโยชน์จากการใช้เครดิตกับบริษัทแม่ จะทำให้เกิดความคล่องตัวในการส่งสินค้าได้เร็ว ต้นทุนการขนส่งถูกลง ต้นทุนทางการเงินต่ำ แต่สามารถมีรายได้โดยยังไม่มีความจำเป็นต้องชำระสินค้าให้แก่เดโชโย่ฝรั่งเศล และยังช่วยให้เกิดความได้เปรียบในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยน นอกจากนี้ คู่ค้าที่เป็นทำธุรกิจสระว่ายน้ำภายใต้แบรนด์'เดโชโย่'ในแต่ละประเทศ เช่น ประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย จีน และญี่ปุ่น จะได้รับผลประโยชน์ทางธุรกิจเช่นกัน
" การขอเครดิตไม่ใช่ว่าเราจะเอาเปรียบเจ้าของ อย่าลืมว่าครอบครัวเจ้าของเดโชโย่ก็อาศัยอยู่ในไทย และเราอยากให้อยู่ตลอดไป เพราะประเทศไทยเป็นเมืองที่ดี ดังนั้นผมจะนำรุ่นลูกของเจ้าของ มาถือหุ้นในบริษัทเดโชโย่(ไทยแลนด์)สัดส่วน 40% จากที่ผมถืออยู่ 100% เพื่อบริหารธุรกิจในไทย ดังนั้น แนวทางที่ผมทำ คือ ทุกฝ่ายWin Win Win กันทั้งหมด "นายไกรฤกษ์กล่าว
นายไกรฤกษ์ คชชะ ประธานกรรมการเดโชโย่ (ไทยแลนด์) กรุ๊ป จำกัด ผู้แทนจำหน่ายสระว่ายน้ำคุณภาพเยี่ยมแบรนด์ดังระดับโลก "Desjoyaux" แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย เปิดเผยว่าถึงยุทธศาสตร์การขยายความเติบโตของเดโชโย่ฯว่า จากความพยายามในช่วงที่ผ่านมา ได้ส่งผลให้ภาพลักษณ์ขององค์กรปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ ลูกค้าให้การยอมรับในสินค้าของบริษัท ขณะเดียวกันโดยเครือข่ายทางสาขาของเดโชโย่ฯที่กระจายไปตามภูมิภาคต่างๆ ก็เป็นส่วนที่เพิ่มช่องทางการตลาดที่จะขยายตลาดให้ครอบคลุมไปถึงตลาดภูมิภาคเอเชีย ซึ่งในปัจจุบัน บริษัทเดโชโย่ฯมี 12 สาขา และจะขยายให้ครบ 20 สาขาภายในปี 2552 ได้แก่ ที่จ.นครราชสีมา , พิษณุโลก , นครสวรรค์ ,ชลบุรี และในกรุงเทพฯอีก 4 แห่ง
"แต่ละสาขาที่เปิด มีความสำคัญและเป็นหน่วยที่จะสนับสนุนให้บริษัทมีความเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต เช่น ภายในเดือนพ.ย.นี้ จะเปิดสาขาที่จ.อุดรธานีและที่จ.อุบลราชธานี ก็เพื่อกำหนดเป้าหมายการรุกเข้าสู่กลุ่มลูกค้าในประเทศลาว และยังมีแผนที่จะบุกตลาดในประเทศอินเดียด้วย ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ มีแนวโน้มที่กำลังซื้อเติบโตอย่างต่อเนื่อง"นายไกรฤกษ์กล่าวและชี้ว่า
แม้สถานการณ์ของเศรษฐกิจโลก เข้าสู่ภาวะถดถอยจากวิกฤตการเงิน ทำให้บรรยากาศตอนนี้ไม่น่าจะลงทุน แต่ใช่ว่าจะเกิดขึ้นกับทุกประเทศ ถ้าจะเปรียบเทียบแล้ว ในช่วงเกิดสงคราม ก็มีคนรวยจากสงคราม ช่วงเกิดวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 ก็มีคนรวยจากวิกฤต และในเมื่อประเทศยุโรปมีปัญหา แต่ประเทศต่างๆในภูมิภาคเอเชียยังดีอยู่ ทำให้ในช่วงนี้ เป็นโอกาสดีในการลงทุนเกี่ยวกับธุรกิจสระว่ายน้ำ เพราะมีผลดีกับองค์กร เป็นการตอกย้ำแบรนด์เดโชโย่ และเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้น ขณะเดียวกันเพิ่มอำนาจต่อรองกับผู้รับเหมาได้
"อย่าลืมประเทศไทย เศรษฐกิจไม่เคยซบเซานาน ไม่มี ซึ่งประเทไทยเดินได้ด้วยภาคเอกชน ดังนั้นจึงคิดว่า ใครที่มีเงิน ควรลงทุน เพราะการแข่งขันน้อย และยังช่วยสร้างเศรษฐกิจให้ดีขึ้นด้วย ส่วนใครที่มีทุนน้อยก็อย่าคิดเหมือนคนอื่นๆ ไม่งั้นมีโอกาสสิ้นชื่อ"ประธานกรรมการฯกล่าว พร้อมโชว์ศักยภาพในฐานะผู้นำธุรกิจสระว่ายน้ำในไทยว่า
ขณะนี้ ตนกำลังเจรจากกับเจ้าของเดโชโย่ในประเทศฝรั่งเศล เพื่อขอเครดิตจากเดโชโย่ฝรั่งเศลเป็นเวลา 1 ปี ในการนำสินค้ามารวมไว้ในภูมิภาคเอเชีย โดยมีเดโชโย่(ไทยแลนด์)เป็นแหล่งกระจายสินค้าหลักไปยังประเทศต่างๆในภูมิภาคนี้ เนื่องจากมีหลายประเทศในเอเชีย ยังมีความแข็งแกร่งทางด้านเศรษฐกิจและแนวโน้มเติบโตขึ้นอีก
ทั้งนี้ ผลประโยชน์จากการใช้เครดิตกับบริษัทแม่ จะทำให้เกิดความคล่องตัวในการส่งสินค้าได้เร็ว ต้นทุนการขนส่งถูกลง ต้นทุนทางการเงินต่ำ แต่สามารถมีรายได้โดยยังไม่มีความจำเป็นต้องชำระสินค้าให้แก่เดโชโย่ฝรั่งเศล และยังช่วยให้เกิดความได้เปรียบในเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยน นอกจากนี้ คู่ค้าที่เป็นทำธุรกิจสระว่ายน้ำภายใต้แบรนด์'เดโชโย่'ในแต่ละประเทศ เช่น ประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย จีน และญี่ปุ่น จะได้รับผลประโยชน์ทางธุรกิจเช่นกัน
" การขอเครดิตไม่ใช่ว่าเราจะเอาเปรียบเจ้าของ อย่าลืมว่าครอบครัวเจ้าของเดโชโย่ก็อาศัยอยู่ในไทย และเราอยากให้อยู่ตลอดไป เพราะประเทศไทยเป็นเมืองที่ดี ดังนั้นผมจะนำรุ่นลูกของเจ้าของ มาถือหุ้นในบริษัทเดโชโย่(ไทยแลนด์)สัดส่วน 40% จากที่ผมถืออยู่ 100% เพื่อบริหารธุรกิจในไทย ดังนั้น แนวทางที่ผมทำ คือ ทุกฝ่ายWin Win Win กันทั้งหมด "นายไกรฤกษ์กล่าว