ศูนย์ข่าวภูเก็ต - นักลงทุนจากกรุงเทพฯผุด “พาไล เรซิเด้นท์เชียลเดคซ์” คอนโดมิเนียมหรูริมอ่าวฉลอง กว่า 600 ล้านบาท เจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่สนใจลงทุนในภูเก็ตและกลุ่มเรือยอชต์ คาดได้รับการตอบรับดี เพราะทำเลดีเห็นวิวทุกห้องพร้อมอยู่ริมทะเลที่จอดเรือยอชต์
นายอาราวัฒน์ หม้อศรีใจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาราวรรณ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด บริษัทผู้บริหารงานขายและการตลาด โครงการ “พาไล เรซิเด้นท์เชียลเดคซ์” เปิดเผยว่า บริษัท ทรีโอ เอสเตท จำกัด ซึ่งเป็นนักลงทุนจากกรุงเทพฯ ที่มี นายบวร พงษ์มะลิ เป็นประธานกรรมการบริหาร และที่มีประสบการณ์ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นคอนโดมิเนียม 2 โครงการที่กรุงเทพฯ คือ โครงการบ้านเจริญกรุงคอนโดมิเนียม และโครงการซีทรีน ได้ขยายการลงทุนพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบของคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์เข้ามาลงทุนในพื้นที่ภูเก็ต โดยได้นำที่ดินที่บริเวณริมทะเลอ่าวฉลอง ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต จำนวน 6 ไร่กว่า ที่ซื้อไว้นาน 20 ปีมาแล้ว มาพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ภายใต้โครงการ “พาไล เรซิเด้นท์เซียลเดคซ์”
โครงการ “พาไล เรซิเด้นท์เซียลเดคซ์” มีทั้งหมด 6 ตึก ตึกละ 3 ชั้น จำนวน 42 ยูนิต ให้ลูกค้าเลือกได้ 2 แบบ คือ แบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ พื้นที่ใช้สอย 106 ตารางเมตร (ตร.ม.) กับแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ พื้นที่ใช้สอย 166 ตร.ม.โดยชั้น 1 ทุกห้องเชื่อมสู่สระว่ายน้ำได้ทันที และชั้น 3 จะมีสระว่ายน้ำอยู่บนดาดฟ้าด้วย รวมทั้งแต่ละตึกมีทางเชื่อมติดต่อกันได้ทั้งหมด จากที่แต่ละตึกมีแค่ 6 ห้องเท่านั้นทำให้คอนโดฯของพาไลฯเหมือนเป็นวิลลาเล็กๆ ที่ดีไซน์มาจากบ้านทรงไทยสมัยก่อน และทุกห้องหันหน้าสู่ทะเลทั้งสิ้น เพราะที่ดินแปลงที่จะพัฒนาเป็นพาไลฯนี้อยู่ติดริมทะเลไม่มีอะไรกีดขวางเลย
นายอาราวัฒน์ กล่าวต่อว่า สำหรับราคาขายนั้นแบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ราคาเริ่มต้นที่ 9.5 ล้านบาท มีทั้งหมด 12 ยูนิต ส่วนแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ราคาเริ่มต้นที่ 14 ล้านบาท มีทั้งหมด 30 ยูนิต ส่วนมูลค่าโครงการอยู่ที่ประมาณ 600 ล้านบาท คาดว่าจะก่อสร้างได้แล้วเสร็จประมาณ กลางปี 2553
ส่วนลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่วางไว้ จะเป็นกลุ่มชาวต่างชาติที่สนใจเข้ามาลงทุนด้านอสังหาฯในภูเก็ต กลุ่มชาวต่างชาติที่ต้องการที่พักอาศัยในช่วงที่เกษียณอายุ และกลุ่มนักเล่นเรือยอชต์ เพราะที่ตั้งของพาไลฯจะอยู่ที่บริเวณอ่าวฉลอง ซึ่งเป็นอ่าวที่มีการจอดเรือยอชต์ และขณะนี้กรมขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวีก็ได้พัฒนาท่าเรืออ่าวฉลองเป็นมารีนาสำหรับเรือยอชต์ จุดนี้ทำให้ลูกค้ากลุ่มเรือยอชต์สามารถที่จะลงจากเรือแล้วเข้าที่พักได้เลย
รวมทั้งยังสามารถมองเห็นเรือยอชต์ของตัวเองได้อีกด้วย เพราะทุกห้องหันหน้าเข้าสู่อ่าวฉลองทั้งสิ้น ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากชาวต่างชาติ เพราะบริเวณอ่าวฉลองยังไม่มีคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ ที่สามารถรองรับความต้องการของคนต่างชาติได้ และคนต่างชาติสามารถซื้อเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเอง หรือไม่ก็เช่าระยะยาว 30 ปี เพราะตามกฎหมายแล้วสามารถขายให้คนต่างชาติได้แค่ 49% ของพื้นที่ขายทั้งหมดเท่านั้น
นายอาราวัฒน์ ยังกล่าวถึงแนวโน้มความต้องการคอนโดมิเนียมระดับหรูในภูเก็ต ว่า คนต่างชาติยังต้องการคอนโดมิเนียมหรูในภูเก็ตอีกมาก ซึ่งจากการที่ได้ทำการสำรวจตลาดก่อนที่เจ้าของโครงการจะตัดสินใจเข้ามาลงทุน จะเห็นว่า มีคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นรอบเกาะภูเก็ต ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเจาะกลุ่มตลาดคนต่างชาติ แต่หากอยู่ในตัวเมืองจะเน้นลูกค้าคนท้องถิ่นภูเก็ตและคนไทย ทำให้การแข่งขันค่อนข้างสูง
อย่างไรก็ตาม การที่จะได้รับการตอบรับที่ดีหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้งของโครงการด้วย และคิดว่า ปัญหาทางการเงินที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาไม่น่าที่จะส่งผลกระทบกับโครงการ เพราะภูเก็ตยังเป็นพื้นที่เป้าหมายของคนต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนและอยู่อาศัย