เงินบาทวานนี้อ่อนค่าแตะ 35.15 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนสุดในรอบ 2 ปี เผยตลาดหวั่นเกิดเหตุรุนแรงจากความวุ่นวายทางการเมือง และยังมีโอกาสอ่อนค่าต่ออย่างรวดเร็วหากเกิดขึ้นจริง ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศยังจับตาบริษัทขนาดใหญ่ที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกถดถอย
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของเงินบาทวานนี้ มีการอ่อนค่าลงตั้งแต่เปิดตลาดในช่วงเช้า โดยเงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 35.04-35.06 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จากนั้นอ่อนค่าลงแตะระดับ 35.15 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐซึ่งเป็นระดับที่อ่อนค่าสุดของวันและอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 2 ปี และมาปิดตลาดที่ระดับ 35.14-35.16 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ ปัจจัยที่กดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงนั้น มีส่วนทั้งปัจจัยในประเทศกรณีความร้อนแรงทางการเมืองที่เพิ่มขึ้นและเกรงว่าจะมีความรุนแรงเกิดขึ้น ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศนั้น ก็ยังมีความต้องการถือเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐอยู่ เพราะถือว่ายังเป็นเงินสกุลที่มีความเข้มแข็งอยู่ จากทั้ง 2 ปัจจัยดังกล่าวจึงทำให้เงินบาทอ่อนค่าลง แต่ก็เป็นในระดับที่ไม่มากนัก และเป็นทิศทางเดียวกับค่าเงินสุกลอื่นในภูมิภาค โดยเงินรูเปียะของอินโดนีเซียอ่อนค่ามากสุดและมากกว่าเงินบาท ขณะที่เงินเปโซของฟิลิปปินส์และดอลลาร์สิงคโปร์ยังทรงตัวนิ่งๆ
"วานนี้เงินบาทอ่อนค่าลงพอสมควร ซึ่งมีสาเหตุมาจากปัจจัยทั้งในและต่างประเทศ แต่ในช่วงต่อไปปัจจัยในประเทศจะเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น จากเหตุการณ์ระเบิดในช่วงเช้ามืดของวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา เปรียบเสมือนตัวเร่งให้ประเมินว่าความรุนแรงจะเกิดเร็วขึ้น"
สำหรับในช่วงถัดไปนั้น ทิศทางค่าเงินบาทน่าจะยังอ่อนค่าได้อีกจนถึง 35.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐได้ แต่อาจจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป ขึ้นอยู่ปัจจัยต่างๆโดยเฉพาะความรุนแรงทางการเมืองว่าเกิดหรือไม่ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศก็ยังเป็นส่วนของภาพรวมเศรษฐกิจและธุรกิจต่างๆที่ได้รับผลกระทบว่าจะมีต่อเนื่องไปขนาดไหน
"เงินบาทในช่วงถัดไปจะอ่อนค่าลงแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับตัวเร่งก็คือความรุนแรงทางการเมืองในประเทศ หากเกิดขึ้น ก็จะเป็นตัวเร่งทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงเร็ว ซึ่งก็คงบอกได้ยากว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ส่วนในต่างประเทศก็ยังคงกังวลเรื่องเศรษฐกิจที่ถดถอยและคอยจับตามองบริษัทขนาดใหญ่ว่าจะมีบริษัทไหนมีปัญหาทางการเงินหรือไม่"
ด้านนักบริหารเงิน ธนาคารไทยธนาคาร กล่าวว่า เงินบาทปิดตลาดวานนี้ที่ระดับ 35.14-35.16 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าต่อเนื่องจากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 35.00-35.04 บาทต่อดอลลาร์สหรัญ โดยนักลงทุนยังมีความกังวลต่อเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากเมื่อคืนก่อน ทางการสหรัฐประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ออกมาไม่ดีนัก ส่วนปัจจัยในประเทศ ถึงการประกาศชุมนุมใหญ่ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย วันที่ 23 พ.ย.นี้ ไม่ได้ส่งกระทบต่อตลาดมากนัก
"เงินดอลลาร์และเยน ยังคงแข็งค่าต่อเนื่อง ทำให้ค่าเงินในภูมิภาคอ่อนค่า จากความกังวลของปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลก โดยเงินบาทวานนี้อ่อนค่าต่ำสุดในรอบ 2 ปี ขณะที่มองแนวโน้มแล้วเชื่อว่า ธปท.คงเข้ามาดูแลค่าเงินบาท ไม่ให้ผันผวนแรงเกินไป ทั้งนี้ เงินบาทยังมีแนวโน้มอ่อนค่าได้ต่อเนื่อง โดยมีแนวต้านที่ 35.20 บาทต่อดอลลาร์"
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของเงินบาทวานนี้ มีการอ่อนค่าลงตั้งแต่เปิดตลาดในช่วงเช้า โดยเงินบาทเปิดตลาดที่ระดับ 35.04-35.06 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จากนั้นอ่อนค่าลงแตะระดับ 35.15 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐซึ่งเป็นระดับที่อ่อนค่าสุดของวันและอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 2 ปี และมาปิดตลาดที่ระดับ 35.14-35.16 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ ปัจจัยที่กดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงนั้น มีส่วนทั้งปัจจัยในประเทศกรณีความร้อนแรงทางการเมืองที่เพิ่มขึ้นและเกรงว่าจะมีความรุนแรงเกิดขึ้น ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศนั้น ก็ยังมีความต้องการถือเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐอยู่ เพราะถือว่ายังเป็นเงินสกุลที่มีความเข้มแข็งอยู่ จากทั้ง 2 ปัจจัยดังกล่าวจึงทำให้เงินบาทอ่อนค่าลง แต่ก็เป็นในระดับที่ไม่มากนัก และเป็นทิศทางเดียวกับค่าเงินสุกลอื่นในภูมิภาค โดยเงินรูเปียะของอินโดนีเซียอ่อนค่ามากสุดและมากกว่าเงินบาท ขณะที่เงินเปโซของฟิลิปปินส์และดอลลาร์สิงคโปร์ยังทรงตัวนิ่งๆ
"วานนี้เงินบาทอ่อนค่าลงพอสมควร ซึ่งมีสาเหตุมาจากปัจจัยทั้งในและต่างประเทศ แต่ในช่วงต่อไปปัจจัยในประเทศจะเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้น จากเหตุการณ์ระเบิดในช่วงเช้ามืดของวันที่ 20 พ.ย.ที่ผ่านมา เปรียบเสมือนตัวเร่งให้ประเมินว่าความรุนแรงจะเกิดเร็วขึ้น"
สำหรับในช่วงถัดไปนั้น ทิศทางค่าเงินบาทน่าจะยังอ่อนค่าได้อีกจนถึง 35.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐได้ แต่อาจจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป ขึ้นอยู่ปัจจัยต่างๆโดยเฉพาะความรุนแรงทางการเมืองว่าเกิดหรือไม่ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศก็ยังเป็นส่วนของภาพรวมเศรษฐกิจและธุรกิจต่างๆที่ได้รับผลกระทบว่าจะมีต่อเนื่องไปขนาดไหน
"เงินบาทในช่วงถัดไปจะอ่อนค่าลงแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับตัวเร่งก็คือความรุนแรงทางการเมืองในประเทศ หากเกิดขึ้น ก็จะเป็นตัวเร่งทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงเร็ว ซึ่งก็คงบอกได้ยากว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ส่วนในต่างประเทศก็ยังคงกังวลเรื่องเศรษฐกิจที่ถดถอยและคอยจับตามองบริษัทขนาดใหญ่ว่าจะมีบริษัทไหนมีปัญหาทางการเงินหรือไม่"
ด้านนักบริหารเงิน ธนาคารไทยธนาคาร กล่าวว่า เงินบาทปิดตลาดวานนี้ที่ระดับ 35.14-35.16 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าต่อเนื่องจากช่วงเช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 35.00-35.04 บาทต่อดอลลาร์สหรัญ โดยนักลงทุนยังมีความกังวลต่อเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากเมื่อคืนก่อน ทางการสหรัฐประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ออกมาไม่ดีนัก ส่วนปัจจัยในประเทศ ถึงการประกาศชุมนุมใหญ่ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย วันที่ 23 พ.ย.นี้ ไม่ได้ส่งกระทบต่อตลาดมากนัก
"เงินดอลลาร์และเยน ยังคงแข็งค่าต่อเนื่อง ทำให้ค่าเงินในภูมิภาคอ่อนค่า จากความกังวลของปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลก โดยเงินบาทวานนี้อ่อนค่าต่ำสุดในรอบ 2 ปี ขณะที่มองแนวโน้มแล้วเชื่อว่า ธปท.คงเข้ามาดูแลค่าเงินบาท ไม่ให้ผันผวนแรงเกินไป ทั้งนี้ เงินบาทยังมีแนวโน้มอ่อนค่าได้ต่อเนื่อง โดยมีแนวต้านที่ 35.20 บาทต่อดอลลาร์"
