วิกฤตการเงินโลก กระทบส่งออก อินเด็กซ์ฯ แจง รายได้ส่งออกลด5-10% ยันทั้งปียอดรวมโต10% เชื่อรัฐฯใช้มาตรการ3อ่อนช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน กระตุ้นธุรกิจส่งออกหวังดันเศรษฐกิจขยายตัว ด้าน ผู้นำเข้าไม้พื้น “เคเอ” หวั่นลดค่าเงินบาททำน้ำมันแพง ผู้บริโภค ธุรกิจนำเข้ากระผลกระทบค่าครองชีพขยับ
นายกิจจา ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท บางกอกอินเตอร์เฟิร์น จำกัด ผู้บริหารศูนย์เฟอร์นิเจอร์ครบวงจร "อินเด็กซ์ ลิฟวิ่ง มอลล์" กล่าวถึงการออกมาตรการ3อ่อน ประกอบด้วย การส่งเสริมให้ค่าเงินบาทอ่อนตัว การส่งเสริมให้ดอกเบี้ยอ่อนตัว และการส่งเสริมเรื่องการอ่อนค่าการจัดเก็บภาษี ว่า การออก3 มาตรการดังกล่าว โดยเฉพาะมาตรการค่าบาทอ่อนนั้น เพราะรัฐบาลให้ความสำคัญกับการส่งออกว่าเป็นกำลังหลังในการผลักดันให้เกิดการขยายตัวของเศรษฐกิจ หลังจากที่กำลังซื้อและการสั่งซื้อสินค้าจากประเทศต่างๆลดลง และคาดว่าปีหน้าผลกระทบจะแรงขึ้น ภาคการส่งออกจะได้รับผลมากขึ้นตามไปด้วย
โดยภาคธุรกิจเฟอร์นิเจอร์เพื่อการส่งออกนั้น ก่อนหน้าได้รับปัจจัยลบต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับตัวของราคาน้ำมัน ที่ทำให้ต้นทุนการผลิต ราคาวัตถุดิบ ค่าขนส่งสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีต้นทุนธุรกิจที่เพิ่มและมีผลต่อความสามารถในการแข่งขั้น ทั้งในประเทศและต่างประเทศได้
ส่วนอินเด็กฯ แม้ว่าต้นทุนราคาน้ำมันลดลงแล้วในปัจจุบัน แต่ต้นทุนราคาวัตถุดิบ และต้นทุนการผลิตยังคงไม่ปรับลดลง ทำให้มีผลต่อการต้นทุนอยู่ส่วนหนึ่ง ประกอบกับการหดตัวของยอดการสั่งซื้อจากต่างประเทศและ กำลังซื้อหดตัวต่อเนื่องทำให้การแข่งขันกับผู้ส่งออกจากประเทศต่างๆทำได้ยากขึ้น
“กลยุทธ์การแข่งขั้นจะใช้เรื่องของกลยุทธ์ด้านราคา โดยเฉพาะประเทศจีน ที่มาต้นทุนการผลิตและค่าแรงต่ำ รวมถึงการกำหนดค่าเงินหยวนของจีนนั้น ส่งผลบวกให้ได้เปรียบคู้แข่ง ในขณะที่ อินเด็กซ์ ฯต้องปรับกลยุทธ์เน้นออกแบบสินค้า เพิ่มศักยภาพ มูลค่าของสินค้า หากรัฐบาลออกมาตรการ3อ่อนก็จะเป็นผลดีต่อผู้ส่งออกช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน”
ทั้งนี้ ภาวะวิกฤตการเงินโลก ส่งผลให้ลูกค้าในต่างประเทศหายไปส่วนหนึ่ง แต่ยังมีคู่ค้าที่แข็งแกร่ง ซึ่งอินเด็กซ์ฯ นอกจากต้องเน้นออกแบบสินค้าแล้ว ยังต้องทำงานกับคู้ค้าใกล้ชิดมากขึ้น มีการปรับสต็อกสินค้าของลูกค้าใหม่ จากเดิมให้สต็อกได้ 60วันก็ลดลงเหลือ45 วัน ขณะเดียวกันก็ต้องเร่งส่งสินคให้เร็วขึ้น เพื่อช่วยสร้างสภาพคล่องของลูกค้า
สำหรับยอดการส่งออกของบริษัทในปีนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ส่วนในครึ่งปีหลังผลกระทบจากวิกฤตการเงินโลก ส่งผลให้ยอดการส่งออกลดลง5-10% ทำให้การเติบโตของยอดขายรวมเติบโตอยู่ที่ 10% จากเป้า20% และคาดว่ายอดขายทั้งปีจะอยู่ที่ 7,00ล้านบาท ในขณะที่ยอดการส่งออกจะเหลือ30-35%
ด้านนายกิตติ อภิชนบัญชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เคเอเพาเวอร์ จำกัด ผู้นำเข้าพื้นไม้ลามิเนตและอุปกรณ์เสริมระบบควิกสเต็ป(QuickStep) กล่าวว่า การนำมาตรการ3อ่อนมาใช้ ส่งผลดีด้านกำลังใจผู้นำเข้าโดยเฉพาะมาตรการด้านการลดภาษีรายได้นิติบุคคล ช่วยเพิ่มสภาพคล่องผู้ประกอบการ ส่วนมาตรการการลดดอกเบี้ย ต้องพิจาณาองค์ประกอบอื่นด้วยว่าจะส่งดีหรือไม่ เช่น การลดดอกเบี้ยอาจส่งผลดีต่อผู้กู้ แต่ในภาวะเช่นนี้หากไม่มีดีมานด์ ผู้กู้ก็ไม่รู้จะกู้เงินเพื่อขยายธุรกิจเพื่ออะไร
ส่วนการอ่อนค่าเงินบาทผลเสียต้องตกแก่ผู้นำเข้า ผลดีคืนการชดเชยต้นทุนน้ำมันในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ผลดีจะเกิดแก่ผู้ส่งออก ทั้งนี้มาตรการดังกล่าวจะกระตุ้นและส่งเสริมให้เกิดการขยายตัวในด้านการผลิตเพื่อส่งออก แต่อย่างไรก็ดีรัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของการควบคุมและดูและความเสถียรภาพของค่าเงินให้ดีด้วยเพราะหากค่าเงินบาทอ่อนเกินไปจะส่งผลให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น ซึ่งจะเป็นภาระแก่งผู้บริโภคและกำลังซื้อในประเทศโดยตรง
นายกิจจา ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัท บางกอกอินเตอร์เฟิร์น จำกัด ผู้บริหารศูนย์เฟอร์นิเจอร์ครบวงจร "อินเด็กซ์ ลิฟวิ่ง มอลล์" กล่าวถึงการออกมาตรการ3อ่อน ประกอบด้วย การส่งเสริมให้ค่าเงินบาทอ่อนตัว การส่งเสริมให้ดอกเบี้ยอ่อนตัว และการส่งเสริมเรื่องการอ่อนค่าการจัดเก็บภาษี ว่า การออก3 มาตรการดังกล่าว โดยเฉพาะมาตรการค่าบาทอ่อนนั้น เพราะรัฐบาลให้ความสำคัญกับการส่งออกว่าเป็นกำลังหลังในการผลักดันให้เกิดการขยายตัวของเศรษฐกิจ หลังจากที่กำลังซื้อและการสั่งซื้อสินค้าจากประเทศต่างๆลดลง และคาดว่าปีหน้าผลกระทบจะแรงขึ้น ภาคการส่งออกจะได้รับผลมากขึ้นตามไปด้วย
โดยภาคธุรกิจเฟอร์นิเจอร์เพื่อการส่งออกนั้น ก่อนหน้าได้รับปัจจัยลบต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับตัวของราคาน้ำมัน ที่ทำให้ต้นทุนการผลิต ราคาวัตถุดิบ ค่าขนส่งสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีต้นทุนธุรกิจที่เพิ่มและมีผลต่อความสามารถในการแข่งขั้น ทั้งในประเทศและต่างประเทศได้
ส่วนอินเด็กฯ แม้ว่าต้นทุนราคาน้ำมันลดลงแล้วในปัจจุบัน แต่ต้นทุนราคาวัตถุดิบ และต้นทุนการผลิตยังคงไม่ปรับลดลง ทำให้มีผลต่อการต้นทุนอยู่ส่วนหนึ่ง ประกอบกับการหดตัวของยอดการสั่งซื้อจากต่างประเทศและ กำลังซื้อหดตัวต่อเนื่องทำให้การแข่งขันกับผู้ส่งออกจากประเทศต่างๆทำได้ยากขึ้น
“กลยุทธ์การแข่งขั้นจะใช้เรื่องของกลยุทธ์ด้านราคา โดยเฉพาะประเทศจีน ที่มาต้นทุนการผลิตและค่าแรงต่ำ รวมถึงการกำหนดค่าเงินหยวนของจีนนั้น ส่งผลบวกให้ได้เปรียบคู้แข่ง ในขณะที่ อินเด็กซ์ ฯต้องปรับกลยุทธ์เน้นออกแบบสินค้า เพิ่มศักยภาพ มูลค่าของสินค้า หากรัฐบาลออกมาตรการ3อ่อนก็จะเป็นผลดีต่อผู้ส่งออกช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน”
ทั้งนี้ ภาวะวิกฤตการเงินโลก ส่งผลให้ลูกค้าในต่างประเทศหายไปส่วนหนึ่ง แต่ยังมีคู่ค้าที่แข็งแกร่ง ซึ่งอินเด็กซ์ฯ นอกจากต้องเน้นออกแบบสินค้าแล้ว ยังต้องทำงานกับคู้ค้าใกล้ชิดมากขึ้น มีการปรับสต็อกสินค้าของลูกค้าใหม่ จากเดิมให้สต็อกได้ 60วันก็ลดลงเหลือ45 วัน ขณะเดียวกันก็ต้องเร่งส่งสินคให้เร็วขึ้น เพื่อช่วยสร้างสภาพคล่องของลูกค้า
สำหรับยอดการส่งออกของบริษัทในปีนี้ ในช่วงครึ่งปีแรกถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ส่วนในครึ่งปีหลังผลกระทบจากวิกฤตการเงินโลก ส่งผลให้ยอดการส่งออกลดลง5-10% ทำให้การเติบโตของยอดขายรวมเติบโตอยู่ที่ 10% จากเป้า20% และคาดว่ายอดขายทั้งปีจะอยู่ที่ 7,00ล้านบาท ในขณะที่ยอดการส่งออกจะเหลือ30-35%
ด้านนายกิตติ อภิชนบัญชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เคเอเพาเวอร์ จำกัด ผู้นำเข้าพื้นไม้ลามิเนตและอุปกรณ์เสริมระบบควิกสเต็ป(QuickStep) กล่าวว่า การนำมาตรการ3อ่อนมาใช้ ส่งผลดีด้านกำลังใจผู้นำเข้าโดยเฉพาะมาตรการด้านการลดภาษีรายได้นิติบุคคล ช่วยเพิ่มสภาพคล่องผู้ประกอบการ ส่วนมาตรการการลดดอกเบี้ย ต้องพิจาณาองค์ประกอบอื่นด้วยว่าจะส่งดีหรือไม่ เช่น การลดดอกเบี้ยอาจส่งผลดีต่อผู้กู้ แต่ในภาวะเช่นนี้หากไม่มีดีมานด์ ผู้กู้ก็ไม่รู้จะกู้เงินเพื่อขยายธุรกิจเพื่ออะไร
ส่วนการอ่อนค่าเงินบาทผลเสียต้องตกแก่ผู้นำเข้า ผลดีคืนการชดเชยต้นทุนน้ำมันในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่ผลดีจะเกิดแก่ผู้ส่งออก ทั้งนี้มาตรการดังกล่าวจะกระตุ้นและส่งเสริมให้เกิดการขยายตัวในด้านการผลิตเพื่อส่งออก แต่อย่างไรก็ดีรัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของการควบคุมและดูและความเสถียรภาพของค่าเงินให้ดีด้วยเพราะหากค่าเงินบาทอ่อนเกินไปจะส่งผลให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น ซึ่งจะเป็นภาระแก่งผู้บริโภคและกำลังซื้อในประเทศโดยตรง