ทั่วโลกจับตาทีม ศก.โอบามา หลังเข้าพบ 3 แกนนำสำคัญ คาดเผยโฉม รมว.คลังพรุ่งนี้ พร้อมเปิดแถลงฯ นักวิเคราะห์ ชี้ตัวเลขว่างงานสหรัฐฯ กำลังเป็นโจทย์วัดฝีมือรัฐบาลใหม่ และมาตรการแก้ไขภาวะเศรษฐกิจถดถอย
วันนี้ (7 พ.ย.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ จะเข้าพบกับคณะที่ปรึกษาเศรษฐกิจของเขาในวันนี้ ซึ่งรวมถึงนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีนักลงทุนผู้ก่อตั้งบริษัท เบิร์กเชียร์ แฮทธาเวย์, นายวิลเลียม ดาลีย์ อดีตรัฐมนตรีพาณิชย์ และนายพอล โวล์คเกอร์ อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
หลังจากเข้าพบคณะที่ปรึกษาเศรษฐกิจแล้ว นายโอบามามีกำหนดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ที่เขาได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อวันพุธที่ 4 พ.ย. โดยนายโจ ไบเดน รองประธานาธิบดีจะร่วมแถลงข่าวด้วย ซึ่งคาดว่าการแถลงข่าวครั้งนี้จะครอบคลุมเรื่องการตัดสินใจแต่งต่างคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ โดยขณะนี้โอบามาวางแผนที่จะแต่งตั้ง รมว.คลัง ให้เร็วที่สุดเพราะเขาต้องเผชิญกับความท้าทายในการแก้ไขวิกฤตการณ์ด้านการเงินที่รออยู่ข้างหน้า
การเลือกสรรทีมงานด้านเศรษฐกิจเป็นสิ่งที่โอบามาให้ความสำคัญมากเป็นอันดับต้นๆ เพื่อเร่งเยียวยาวิกฤตเศรษฐกิจ โดยรายชื่อผู้ที่อยู่ในข่ายที่จะได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีคลังคนใหม่ ได้แก่ นายทิโมธี กีธเนอร์ ผู้ว่าการเฟดสาขานิวยอร์ก, นายลอว์เรนซ์ ซัมเมอร์ส และนายพอล โวล์คเกอร์
ส่วนในวันนี้ โอบามาได้แต่งตั้งนายราห์ม เอมมานูเอล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรัฐอิลลินอยส์ สังกัดพรรคเดโมแครต ให้เป็นหัวหน้าคณะทำงานประจำทำเนียบขาว
เอมมานูเอล เคยมีส่วนช่วยให้พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรสในการเลือกตั้งกลางเทอมเมื่อ พ.ศ.2549 โดยเขาได้รับเลือกเป็น ส.ส.ตั้งแต่ พ.ศ.2545 และเริ่มต้นชีวิตการเมืองด้วยการร่วมในทีมงานหาเสียงของบิลล์ คลินตัน ในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อ พ.ศ.2535 หลังจากนั้นได้เป็นที่ปรึกษาของนายคลินตัน
นายไนเจล กอลท์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก IHS Global Insight ในแมสซาชูเซตต์ กล่าวว่า เศรษฐกิจเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้โอบามาคว้าชัยในครั้งนี้ แต่หลังจากเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 ม.ค. ประเด็นดังกล่าวจะกลายเป็นปัญหาหนักอกสำหรับเขาในทันที ซึ่งความเสียหายจากวิกฤตการเงินเป็นหลักฐานชี้ชัดอย่างดี
**ตัวเลขว่างงาน โจทย์สำคัญโอบามา
นักเศรษฐศาสตร์จากผลสำรวจของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า ตัวเลขว่างงานสหรัฐอาจทะยานสูงสุดในรอบ 5 ปีที่ 6.3% ในเดือน ต.ค. ในขณะที่อัตราจ้างงานอาจลดลง 200,000 ตำแหน่ง ซึ่งถือว่าร่วงหนักสุดนับแต่เริ่มมีการทำสงครามอิรักเมื่อเดือนมี.ค.ปี 2546
นอกจากนั้น อัตราว่างงานยังอาจย่ำแย่ลงอีกในช่วงที่ บารัค โอบามา ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ เข้ารับตำแหน่งในเดือน ม.ค. ซึ่งจะช่วยให้สภาคองเกรสอนุมัตินโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจได้ง่ายกว่าเดิม
ผลสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ 78 คน คาดการณ์ว่า อัตราว่างงานเดือน ต.ค.จะอยู่ระหว่าง 85,000-300,000 คน โดยระทรวงแรงงานจะเปิดเผยตัวเลขดังกล่าวอย่างเป็นทางการในเวลา 08.30 น.ตามเวลาวอชิงตัน
ทั้งนี้ หากอัตราจ้างงานลดลงตามคาดในเดือน ต.ค.จะส่งผลให้อัตราว่างงานในปีนี้พุ่งเป็น 960,000 ตำแหน่ง