PRG เผยกลุ่มธนชาติและ MBK ผู้ถือหุ้นใหญ่สองรายแรก ยอมลดสัดส่วนการถือหุ้นลง เพื่อกระจายส่วนของผู้ถือหุ้นรายย่อยเป็นไปตามมาตรฐานและเกณฑ์แก้ไขการกระจายการถือหุ้นรายย่อย ให้ได้ไม่น้อยกว่า 15% เพราะปัจจุบันบริษัทมีฟรีโฟลทเพียง 4.73%
นายสมเกียรติ มรรคยาธร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปทุมไรซมิล แอนด์ แกรนารี จำกัด (มหาชน)(PRG) แจ้งว่าขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการปรับปรุงคุณสมบัติด้านการกระจายการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อยให้ครบถ้วน ตามข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่าด้วยการดำรงสถานะเป็นบริษัทจดทะเบียน ซึ่งกำหนดว่าบริษัทจดทะเบียนต้องมีจำนวนผู้ถือหุ้นสามัญรายย่อย ไม่น้อยกว่า 150 ราย และมีผู้ถือหุ้นรายย่อยถือหุ้นรวมกันไม่น้อยกว่า 15 % ของทุนชำระแล้ว โดยจากรายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการเข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 50 บริษัทฯ มีผู้ถือหุ้นรายย่อยทั้งสิ้น 459 ราย คิดเป็น 4.73% ของทุนชำระแล้ว ซึ่งยังขาดอยู่อีก 10.27 % นั้น
บริษัทฯ แจ้งว่าบริษัทฯได้ตระหนักถึงการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวของตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งที่ผ่านมาได้ติดต่อกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทขอให้ลดการถือครองหุ้นลงเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยเข้ามาถือหุ้นในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น และได้รับการตอบรับลดการถือครองหุ้นลงบ้างแล้ว โดยคาดว่าจากรายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการเข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 51 จะมีสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นราย ย่อยที่ขาดอยู่ต่ำกว่า 10 %
นอกจากนี้ ในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 10/2551 เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 51 ได้มีมติอนุมัติให้ฝ่ายจัดการของบริษัทไปดำเนินการเจรจากับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในการที่จะขายหุ้นออกไปอีก เพื่อให้บริษัทมีการกระจายการถือหุ้นรายย่อยครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้กำหนดไว้
ทั้งนี้ ผลการเจรจากับกลุ่มธนชาต ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ได้รับทราบปัญหาของบริษัทฯแล้ว และได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในกลุ่มธนชาตที่มีธนาคาร ธนชาต จำกัด (มหาชน) รวมอยู่ด้วยนั้น มีความจำเป็นที่ต้องขายหุ้นของบริษัทฯออกไป เนื่องจากพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงินพ.ศ.2551 ได้กำหนดห้ามมิให้สถาบันการเงินถือหรือมีหุ้นโดยทางตรงหรือทางอ้อมในบริษัทใดเกินกว่า 10 %ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทนั้น โดยจะดำเนินการให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ภายในปี 53
นอกจากนี้ บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน)(MBK) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อีกรายหนึ่งได้รับที่จะขายหุ้นให้เพิ่มเติม หากการขายหุ้นของกลุ่มธนชาตไม่เพียงพอ ทั้งนี้ เพื่อให้ได้สัดส่วนตามที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนดไว้
อนึ่ง แม้ว่าจะมีการกระจายการถือหุ้นให้กับผู้ถือหุ้นรายย่อย เพื่อให้ได้สัดส่วน 15 % ของทุนชำระแล้วของบริษัท ตามหลักเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกำหนดไว้ก็ตามแต่จะไม่กระทบการบริหารจัดการและนโยบายของบริษัทฯ เนื่องจากยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ชุดเดิมของบริษัท ฯ
นายสมเกียรติ มรรคยาธร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปทุมไรซมิล แอนด์ แกรนารี จำกัด (มหาชน)(PRG) แจ้งว่าขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการปรับปรุงคุณสมบัติด้านการกระจายการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อยให้ครบถ้วน ตามข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่าด้วยการดำรงสถานะเป็นบริษัทจดทะเบียน ซึ่งกำหนดว่าบริษัทจดทะเบียนต้องมีจำนวนผู้ถือหุ้นสามัญรายย่อย ไม่น้อยกว่า 150 ราย และมีผู้ถือหุ้นรายย่อยถือหุ้นรวมกันไม่น้อยกว่า 15 % ของทุนชำระแล้ว โดยจากรายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการเข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 50 บริษัทฯ มีผู้ถือหุ้นรายย่อยทั้งสิ้น 459 ราย คิดเป็น 4.73% ของทุนชำระแล้ว ซึ่งยังขาดอยู่อีก 10.27 % นั้น
บริษัทฯ แจ้งว่าบริษัทฯได้ตระหนักถึงการปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวของตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งที่ผ่านมาได้ติดต่อกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทขอให้ลดการถือครองหุ้นลงเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยเข้ามาถือหุ้นในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น และได้รับการตอบรับลดการถือครองหุ้นลงบ้างแล้ว โดยคาดว่าจากรายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการเข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 51 จะมีสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นราย ย่อยที่ขาดอยู่ต่ำกว่า 10 %
นอกจากนี้ ในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 10/2551 เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 51 ได้มีมติอนุมัติให้ฝ่ายจัดการของบริษัทไปดำเนินการเจรจากับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในการที่จะขายหุ้นออกไปอีก เพื่อให้บริษัทมีการกระจายการถือหุ้นรายย่อยครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้กำหนดไว้
ทั้งนี้ ผลการเจรจากับกลุ่มธนชาต ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ได้รับทราบปัญหาของบริษัทฯแล้ว และได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในกลุ่มธนชาตที่มีธนาคาร ธนชาต จำกัด (มหาชน) รวมอยู่ด้วยนั้น มีความจำเป็นที่ต้องขายหุ้นของบริษัทฯออกไป เนื่องจากพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงินพ.ศ.2551 ได้กำหนดห้ามมิให้สถาบันการเงินถือหรือมีหุ้นโดยทางตรงหรือทางอ้อมในบริษัทใดเกินกว่า 10 %ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทนั้น โดยจะดำเนินการให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ภายในปี 53
นอกจากนี้ บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน)(MBK) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อีกรายหนึ่งได้รับที่จะขายหุ้นให้เพิ่มเติม หากการขายหุ้นของกลุ่มธนชาตไม่เพียงพอ ทั้งนี้ เพื่อให้ได้สัดส่วนตามที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนดไว้
อนึ่ง แม้ว่าจะมีการกระจายการถือหุ้นให้กับผู้ถือหุ้นรายย่อย เพื่อให้ได้สัดส่วน 15 % ของทุนชำระแล้วของบริษัท ตามหลักเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกำหนดไว้ก็ตามแต่จะไม่กระทบการบริหารจัดการและนโยบายของบริษัทฯ เนื่องจากยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ชุดเดิมของบริษัท ฯ