PSL ไตรมาส 3 ปีนี้กำไรพุ่งเกือบ 162% เนื่องจากรายได้การเดินเรือเพิ่มขึ้นผลจากรายได้เดินเรือเฉลี่ยต่อวันต่อลำเพิ่มและการทำสัญญาระยะยาวต่อเนื่องเมื่อค่าระวางเพิ่มย่อมดันให้ผลงานโต อีกทั้งไม่ได้บันทึกขาดทุนจากเครื่องมือเหมือนงวดเดียวกันเมื่อปี 50
นายคาลิด มอยนูดดิน ฮาชิม กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย ( PSL) แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปีนี้ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,462.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 560.16 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น161.48 % เนื่องจากบริษัทฯ ได้บันทึกขาดทุนครั้งเดียวจากขาดทุนเครื่องมือทางเงิน 235.27 ล้านบาท ในไตรมาสสาม ปี 50 และไม่มีขาดทุนนี้ในไตรมาสนี้
นอกจากนี้รายได้จากการเดินเรือสุทธิ (รายได้จากการเดินเรือสุทธิจากรายจ่ายท่าเรือและน้ำมันเชื้อเพลิง) ของไตรมาสสามปี 51เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปี 50 ประมาณ 30% อันเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้การเดินเรือโดยเฉลี่ยต่อวันต่อลำเรือจาก 13,281 ดอลล่าร์สหรัฐ ในไตรมาสสามปี 50 เป็น 17,611 ดอลล่าร์สหรัฐ สำหรับไตรมาส 3 ปี 51 สาเหตุส่วนใหญ่เนื่องมาจากการทำสัญญาให้เช่าเรือเป็นระยะยาวอย่างต่อเนื่องสำหรับสัญญาที่หมดอายุลงเมื่อตลาดค่าระวางเรืออยู่ในระดับสูงในช่วงปลายปี 50 จนถึงต้นปี 51 โดยรายได้จากการเดินเรือในไตรมาส 3 ปี 51 และ ปี 50 มาจากกองเรือเฉลี่ย 44 ลำ
ขณะที่มีค่าใช้จ่ายในการเดินเรือไตรมาส 3 ปีนี้เพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 50 ค่าใช้จ่ายในการเดินเรือโดยเฉลี่ยต่อวันต่อลำเรือ สำหรับไตรมาสสามปี 51 เท่ากับ 4,909 ดอลล่าร์สหรัฐ เมื่อเปรียบเทียบกับเดียวกันของปี 50 อยู่ที่ 3,976 ดอลล่าร์สหรัฐ (รวมค่าใช้จ่ายตัดบัญชีสำหรับค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมและสำรวจเรือของทั้งสามงวด) ซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณ 23 %เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับลูกเรือ ค่าน้ำมันหล่อลื่นและค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมและสำรวจเรือโดยเฉพาะเรือที่มีอายุมาก
นอกจากนี้ ยังมีค่าเสื่อมราคาลดลง จากการเปลี่ยนประมาณการมูลค่าซากของเรือเดินทะเล(ตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม 51) โดยการประมาณการราคาเหล็ก เพิ่มขึ้นเป็น 400 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน จากเดิม 135 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน (มูลค่าซากคำนวณโดยการคูณน้ำหนักซากเหล็กของเรือเดินทะเล (Light Displacement Tonnage) กับราคาประมาณเหล็กต่อตัน) การเปลี่ยนประมาณการดังกล่าวเพื่อให้เป็นไปตามราคาซากเหล็กในตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างเป็นสาระสำคัญจากประมาณการเดิม
นายคาลิด มอยนูดดิน ฮาชิม กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย ( PSL) แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปีนี้ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,462.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 560.16 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น161.48 % เนื่องจากบริษัทฯ ได้บันทึกขาดทุนครั้งเดียวจากขาดทุนเครื่องมือทางเงิน 235.27 ล้านบาท ในไตรมาสสาม ปี 50 และไม่มีขาดทุนนี้ในไตรมาสนี้
นอกจากนี้รายได้จากการเดินเรือสุทธิ (รายได้จากการเดินเรือสุทธิจากรายจ่ายท่าเรือและน้ำมันเชื้อเพลิง) ของไตรมาสสามปี 51เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปี 50 ประมาณ 30% อันเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของรายได้การเดินเรือโดยเฉลี่ยต่อวันต่อลำเรือจาก 13,281 ดอลล่าร์สหรัฐ ในไตรมาสสามปี 50 เป็น 17,611 ดอลล่าร์สหรัฐ สำหรับไตรมาส 3 ปี 51 สาเหตุส่วนใหญ่เนื่องมาจากการทำสัญญาให้เช่าเรือเป็นระยะยาวอย่างต่อเนื่องสำหรับสัญญาที่หมดอายุลงเมื่อตลาดค่าระวางเรืออยู่ในระดับสูงในช่วงปลายปี 50 จนถึงต้นปี 51 โดยรายได้จากการเดินเรือในไตรมาส 3 ปี 51 และ ปี 50 มาจากกองเรือเฉลี่ย 44 ลำ
ขณะที่มีค่าใช้จ่ายในการเดินเรือไตรมาส 3 ปีนี้เพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 50 ค่าใช้จ่ายในการเดินเรือโดยเฉลี่ยต่อวันต่อลำเรือ สำหรับไตรมาสสามปี 51 เท่ากับ 4,909 ดอลล่าร์สหรัฐ เมื่อเปรียบเทียบกับเดียวกันของปี 50 อยู่ที่ 3,976 ดอลล่าร์สหรัฐ (รวมค่าใช้จ่ายตัดบัญชีสำหรับค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมและสำรวจเรือของทั้งสามงวด) ซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณ 23 %เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับลูกเรือ ค่าน้ำมันหล่อลื่นและค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมและสำรวจเรือโดยเฉพาะเรือที่มีอายุมาก
นอกจากนี้ ยังมีค่าเสื่อมราคาลดลง จากการเปลี่ยนประมาณการมูลค่าซากของเรือเดินทะเล(ตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม 51) โดยการประมาณการราคาเหล็ก เพิ่มขึ้นเป็น 400 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน จากเดิม 135 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน (มูลค่าซากคำนวณโดยการคูณน้ำหนักซากเหล็กของเรือเดินทะเล (Light Displacement Tonnage) กับราคาประมาณเหล็กต่อตัน) การเปลี่ยนประมาณการดังกล่าวเพื่อให้เป็นไปตามราคาซากเหล็กในตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างเป็นสาระสำคัญจากประมาณการเดิม