พล.ท.หญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า จากแผนการเริ่มใช้สูตรคำนวณราคาก๊าซหุงต้มหรือแอลพีจีแบบบันได 5 ขั้น โดยไตรมาสแรกปีนี้ คำนวณราคาอิงตลาดโลกร้อยละ 5 อิงราคาตลาดในประเทศร้อยละ 95 จะทำให้ราคาก๊าซแอลพีจี เพิ่มเป็น 18.21 บาทต่อกิโลกรัมหรือประมาณ 273 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ไตรมาส 2 อิงราคาตลาดโลกร้อยละ 10 อิงราคาตลาดในประเทศร้อยละ 90 ไตรมาสสาม อิงราคาตลาดโลกร้อยละ 20 และไตรมาสสี่อิงราคาตลาดโลกเพิ่มเป็นร้อยละ 30 และในขั้นที่ห้าช่วงเดือนมกราคม-มีนาคมปี 2552 อิงราคาตลาดโลกร้อยละ 40 จะทำให้ราคาก๊าซเพิ่มเป็น 25.71 บาทต่อกิโลกรัม หรือประมาณ 385 บาทต่อถัง ซึ่งเป็นราคาที่ยังไม่รวมค่าขนส่งไปยังจังหวัดต่างๆ และยอมรับว่า ราคาดังกล่าวกระทบต่อผู้บริโภคในอนาคต ดังนั้น เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อประชาชนและกระทบต่อผู้ผลิต จึงต้องหารือสูตรราคาแอลพีจีที่ใช้อยู่ให้เกิดความเหมาะสม เพราะแอลพีจีที่ผ่านมา เป็นราคาที่รัฐบาลให้การอุดหนุนจึงเป็นต้นทุนที่ต่ำ ส่วนกลุ่มขนส่ง รัฐบาลจะรณรงค์ให้กลุ่มดังกล่าวหันมาใช้เอ็นจีวี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัญหาราคาน้ำมันแพง เป็นผลมาจากปัจจัยจากราคาตลาดโลก ซึ่งไม่สามารถควบคุมได้ แต่ปัจจัยในประเทศ คือ การเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งแต่ละประเภทจะเก็บ ต่างกันและการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานรวมทั้งค่าการตลาด คงต้องหารือกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เพื่อให้โครงสร้างราคาเป็นธรรมต่อผู้ผลิต และผู้บริโภค
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัญหาราคาน้ำมันแพง เป็นผลมาจากปัจจัยจากราคาตลาดโลก ซึ่งไม่สามารถควบคุมได้ แต่ปัจจัยในประเทศ คือ การเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งแต่ละประเภทจะเก็บ ต่างกันและการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานรวมทั้งค่าการตลาด คงต้องหารือกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เพื่อให้โครงสร้างราคาเป็นธรรมต่อผู้ผลิต และผู้บริโภค