สาลี่คัลเล่อร์ เตรียมขายหุ้นไอพีโอ 30 ล้านหุ้น หวังระดมทุนขายกำลังการผลิตเม็ดพลาสติกมาสเตอร์แบตซ์ ซื้อเครื่องจักรมูลค่า 70 ล้านบาท ดันกำลังการผลิตเพิ่มอีก 8 พันตันต่อปี คาดเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ส.ค.ปี52
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)แจ้งว่า บริษัทสาลี่คัลเล่อร์ จำกัด (มหาชน)ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเม็ดพลาสติกผสมสีและสารเติมแต่งแบบเข้มข้น หรือเม็ดพลาสติกมาสเตอร์แบตซ์ และเม็ดพลาสติกคอมพาวด์ รวมถึงสีผสมพลาสติกแบบชนิดผง ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) เพื่อเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 30 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)หุ้นละ 1 บาท โดยจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai)ซึ่งมีบริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
สำหรับเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ประมาณ 70%ของเงินที่ระดมทุนได้ บริษัทจะนำไปเพื่อใช้ในการซื้อเครื่องจักรเพื่อโครงการขยายกำลังการผลิตมาสเตอร์แบตซ์ประเภทสีดำจากแนวโน้มความต้องการใช้สูงในปี 2552 โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมท่อน้ำ บรรจุภัณฑ์ เกษตร ยานยนต์ฯลฯ โดยบริษัทได้สั่งซื้อเครื่องจักรแล้ว และคาดว่าจะส่งมอบได้ในช่วงเดือนมิถุนายนปีหน้าและเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในเดือนสิงหาคม มูลค่าการลงทุนประมาณ 70 ล้านบาท ซึ่งเครื่องจักรใหม่มีกำลังการผลิต 8,000 ตันต่อปี และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน
ทั้งนี้ บริษัทมีผลการดำเนินงานตั้งแต่ปี 2548-ปี 2550 บริษัทมีรายได้จำนวน 272.84 ล้านบาท ในปี 2548 ปี 2549มีรายได้ 394.44 ล้านบาท และปี 2550 มีรายได้ 451.73 ล้านบาท ซึ่งรายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยช่วง 6 เดือนแรกปีนี้บริษัทมีรายได้ 263.16 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้รับผลกระทบจากราคาเม็ดพลาสติกที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 13.35%ซึ่งต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 14.53%
อย่างไรก็ตาม การดำเนินธุรกิจของบริษัทมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาเม็ดพลาสติกที่เป็นวัตถุดิบหลักของบริษัทใรการผลิต ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรายได้และอัตรากำไรขั้นต้น หากต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้นและบริษัทไม่สามารถปรับราคาขายสินค้าได้ แต่บริษัทได้มีการติดตามการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด และบริษัทยังคงมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนจากสั่งสินค้าจากต่างประเทศ
สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 อันดับแรก คือ บริษัทวีไอวี อินเตอร์เคม จำกัด ถือหุ้นในสัดส่วน 21.69% และบริษัทสาลี่อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน)หรือ SALEE สัดส่วน 10.85% โดยบริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 30% ของกำไรสุทธิ
รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)แจ้งว่า บริษัทสาลี่คัลเล่อร์ จำกัด (มหาชน)ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเม็ดพลาสติกผสมสีและสารเติมแต่งแบบเข้มข้น หรือเม็ดพลาสติกมาสเตอร์แบตซ์ และเม็ดพลาสติกคอมพาวด์ รวมถึงสีผสมพลาสติกแบบชนิดผง ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) เพื่อเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 30 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์)หุ้นละ 1 บาท โดยจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai)ซึ่งมีบริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
สำหรับเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ประมาณ 70%ของเงินที่ระดมทุนได้ บริษัทจะนำไปเพื่อใช้ในการซื้อเครื่องจักรเพื่อโครงการขยายกำลังการผลิตมาสเตอร์แบตซ์ประเภทสีดำจากแนวโน้มความต้องการใช้สูงในปี 2552 โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมท่อน้ำ บรรจุภัณฑ์ เกษตร ยานยนต์ฯลฯ โดยบริษัทได้สั่งซื้อเครื่องจักรแล้ว และคาดว่าจะส่งมอบได้ในช่วงเดือนมิถุนายนปีหน้าและเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในเดือนสิงหาคม มูลค่าการลงทุนประมาณ 70 ล้านบาท ซึ่งเครื่องจักรใหม่มีกำลังการผลิต 8,000 ตันต่อปี และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน
ทั้งนี้ บริษัทมีผลการดำเนินงานตั้งแต่ปี 2548-ปี 2550 บริษัทมีรายได้จำนวน 272.84 ล้านบาท ในปี 2548 ปี 2549มีรายได้ 394.44 ล้านบาท และปี 2550 มีรายได้ 451.73 ล้านบาท ซึ่งรายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยช่วง 6 เดือนแรกปีนี้บริษัทมีรายได้ 263.16 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้รับผลกระทบจากราคาเม็ดพลาสติกที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 13.35%ซึ่งต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 14.53%
อย่างไรก็ตาม การดำเนินธุรกิจของบริษัทมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาเม็ดพลาสติกที่เป็นวัตถุดิบหลักของบริษัทใรการผลิต ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรายได้และอัตรากำไรขั้นต้น หากต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้นและบริษัทไม่สามารถปรับราคาขายสินค้าได้ แต่บริษัทได้มีการติดตามการเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด และบริษัทยังคงมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนจากสั่งสินค้าจากต่างประเทศ
สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 อันดับแรก คือ บริษัทวีไอวี อินเตอร์เคม จำกัด ถือหุ้นในสัดส่วน 21.69% และบริษัทสาลี่อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน)หรือ SALEE สัดส่วน 10.85% โดยบริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 30% ของกำไรสุทธิ