xs
xsm
sm
md
lg

TOPเดินหน้าลุยธุรกิจสารละลาย ทุ่ม120ล.หรียญสหรัฐฯซื้อSAKC

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

TOP ทุ่ม 120 ล้านเหรียญสหรัฐ ซื้อหุ้น " ศักดิ์ไชยสิทธิ์ " จำนวน 80.52% จากผู้ถือหุ้นเดิม SCOT และ SVL เพื่อร่วมลงทุนธุรกิจสารละลาย คาดซื้อหุ้นและสินทรัพย์เสร็จสิ้นต้นปี 52 หวังขยายธุกิจเติบโตยั่งยืนและขยายฐานธุรกิจสู่ต่างประเทศ

นายวิโรจน์ มาวิจักขณ์ กรรมการอำนวยการ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (TOP) แจ้งว่าเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 51 คณะกรรมการของบริษัทฯ ได้มีมติลงนามสัญญาการซื้อขายหุ้นร้อยละ 80.52 ของบริษัท ศักดิ์ไชยสิทธิ์ จำกัด (SAKC) กับ บริษัท Shell Overseas Investments B.V. และบริษัท พัฒนกิจเคมี จำกัด รวมทั้ง สัญญาการซื้อขายสินทรัพย์ เพื่อธุรกิจเกี่ยวกับการจัดจำหน่ายและการตลาดสารละลายในประเทศไทย กับบริษัท Shell Company of Thailand Limited (SCOT) และสัญญาการซื้อขายสินทรัพย์เพื่อธุรกิจเกี่ยวกับสารละลายในประเทศเวียดนาม กับ บริษัท Shell Vietnam Limited (SVL)

สำหรับ SAKC ประกอบธุรกิจการผลิตสารละลายประเภท Hydrocarbon โดยมีโรงงานผลิตตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ซึ่งเริ่มประกอบกิจการ ตั้งแต่ พ.ศ. 2534 โดยภายหลัง บริษัท Shell Overseas Investments B.V. และบริษัท พัฒนกิจเคมี จำกัด ได้เข้าร่วมทุนและร่วมบริหารกิจการ ตั้งแต่ พ.ศ. 2536 ปัจจุบัน SAKC มีกำลังการผลิตกว่า 80,000 ตันต่อปี โดยผลิตและจำหน่ายสารละลายเพื่อขายภายในประเทศไทย

ทั้งนี้ SCOT และ SVL ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการสารละลายในประเทศไทย และประเทศเวียดนามตามลำดับ โดยมุ่งเน้นตลาดภายในประเทศ ซึ่งปัจจุบันทั้ง SCOT และ SVL ต่างเป็นหนึ่งในผู้นำการค้าสารละลายในประเทศไทยและในประเทศเวียดนาม โดยมีกลุ่มลูกค้าหลักอยู่ในอุตสาหกรรมสี

ในการนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะจัดตั้งบริษัทลูกใหม่เพื่อซื้อหุ้น SAKC ร้อยละ 80.52 รวมทั้งสินทรัพย์ธุรกิจเกี่ยวกับสารละลายในประเทศไทยและในประเทศเวียดนามของ SCOT และ SVL การลงทุนดังกล่าว คิดเป็นมูลค่าประมาณ 120 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐอเมริกา คาดว่าการซื้อหุ้นและสินทรัพย์ธุรกิจของ SCOT จะแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2551 และคาดว่าการซื้อสินทรัพย์ธุรกิจของ SVL จะแล้วเสร็จในต้นปี 2552 เมื่อได้มีการดำเนินการตามเงื่อนไขของสัญญาซื้อขายหุ้นและสัญญาการซื้อขายสินทรัพย์สำเร็จเรียบร้อย

สำหรับ การเข้าซื้อหุ้นและสินทรัพย์ดังกล่าว เป็นไปเพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ทางธุรกิจของบริษัทฯ ที่มีแผนงานจะขยายธุรกิจเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน รวมทั้งการขยายฐานธุรกิจไปสู่ตลาดต่างประเทศ ทั้งนี้ ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการลงทุน รวมถึงการมีเครือข่ายลูกค้า การจัดจำหน่าย และการตลาดในธุรกิจสารละลายที่มีคุณภาพพร้อมด้วยบุคลากรที่มีความชำนาญในทันที และเพิ่มช่องทางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ให้กับบริษัทฯ และบริษัทในเครือ

โดยการรายงานสารสนเทศในครั้งนี้ ไม่ใช่รายการที่เกี่ยวโยงกัน และขนาดของรายการไม่เข้าข่ายที่จะต้องรายงานสารสนเทศตามหลักเกณฑ์การได้มาและจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียน แต่เป็นการรายงาน เนื่องจากการซื้อหุ้น SAKC ร้อยละ 80.52 ซึ่งเป็นการเข้าร่วมทุนที่มีสัดส่วนการเข้าร่วมทุนตั้งแต่ร้อยละ 10 ของทุนชำระแล้วของบริษัทที่เข้าร่วมทุน
กำลังโหลดความคิดเห็น