ต่างชาติทิ้งหุ้นไทย ธปท.ยันเงินไม่ไหลออก-บาทแข็งเกาะกลุ่มภูมิภาค

ผู้ว่าการ ธปท.ยันไม่พบเงินไหลออก หลังต่างชาติทิ้งหุ้นต่อเนื่อง เผย ค่าเงินบาทแข็งเกาะกลุ่มในภูมิภาค เพราะมีการโยกเงินไปสหรัฐฯ พร้อมยืนยัน สภาพคล่องในระบบยังไม่มีปัญหา

วันนี้ (23 ก.ย.) นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบการเงิน เนื่องจากยังไม่พบว่าสภาพคล่องมีปัญหา

ธปท.จะติดตามและดูแลความผันผวนของวิกฤตการเงินในสหรัฐฯอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการส่งออกที่แม้ตัวเลขในเดือน ส.ค.จะชะลอลงไปบ้าง แต่จากภาพไตรมาส 2 ยังไม่ต่างจากไตรมาสแรกมาก แต่ทั้งนี้ ยังต้องประเมินผลของไตรมาส 3 ต่อไป

นางธาริษา เชื่อว่า ผลกระทบของปัญหาสถานการณ์การเงินของโลกขณะนี้ ยังไม่กระทบโดยตรงต่อระบบการเงินไทยมากนัก เพราะสภาพคล่องในระบบยังมีเพียงพอ ไม่จำเป็นที่ ธปท.จะต้องอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบ อีกทั้งเงินลงทุนซึ่งธนาคารพาณิชย์ไทย ไปลงทุนในสถาบันการเงินที่มีปัญหาในต่างประเทศก็มีจำนวนไม่มากนัก ไม่เกิน 7 พันล้านบาทเท่านั้น ซึ่งเป็นสัดส่วนที่น้อยมาก แต่ตัวเลขไม่นิ่ง เพราะมีการขายออกไปบ้าง

สำหรับเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในระยะนี้ ยังเคลื่อนไหวเป็นไปในทิศทางเดียวกับค่าเงินในภูมิภาค แม้ว่าอาจจะแข็งค่าเร็วไปบ้าง เพราะว่ามีการส่งเงินกลับไปยังสหรัฐฯ พร้อมยืนยันว่า ธปท.จะดูแลความผันผวนตามจำเป็น แต่ตอนนี้ไม่ผันผวน จึงไม่จำเป็นต้องดูแลมาก

“การที่ค่าเงินบาทในวันนี้มีการแข็งค่ามาอยู่ที่ระดับ 33.70 บาท/1 ดอลลาร์ ถือเป็นไปตามภูมิภาค และไม่ได้มีปัจจัยอะไรเป็นพิเศษ แต่มีภาวะที่สถาบันการเงินบางแห่งในสหรัฐอเมริกาประสบปัญหา ทำให้มีสัญญากู้เงินที่ต้องส่งมอบเงินตามสัญญา จึงทำให้ความต้องการเงินบาทในการส่งมอบเงินตามสัญญาเพิ่มขึ้น และยังไม่จำเป็นต้องเข้าไปดูแลเป็นพิเศษ”

นางธาริษา ยืนยันว่า ขณะนี้ไม่มีภาวะเงินทุนไหลออกต่างประเทศ เพราะหากมีจะทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง ส่วนการที่นักลงทุนต่างประเทศมีการเทขายหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมานั้น เงินในส่วนนี้ยังคงอยู่ในประเทศไทย โดยไม่ได้มีการนำเงินออกนอกประเทศทั้งหมด

ส่วนที่ราคาน้ำมันพุ่งถึง 120 ดอลลาร์/บาร์เรล เพราะค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และความต้องการจากจีนเพิ่ม ขณะที่กำลังผลิตลดลง อย่างไรก็ตาม คาดว่า เป็นเพียงภาวะชั่วคราวเท่านั้น