ก.ล.ต.เผยออกเกณฑ์ทีซีอาร์แล้ว เตรียมนำเรื่องหนุนสถาบัน-นักลงทุนไฮด์เน็ตเวิร์กลงทุนตราสารหนี้ความเสี่ยงสูงมาพิจารณาอีกครั้ง เพื่อเพิ่มทางเลือกการลงทุนในจังหวะที่เหมาะสม ด้าน “ประเวช” ชี้แม้ภาวะตลาดทุนโลก เศรษฐกิจจะมีการเปลี่ยนแปลง เดินหน้าปูพื้นฐานให้ทำธุรกรรมใหม่ๆ เชื่อเปิดเทรดโกลโกลด์ฟิวเจอร์ต้นเดือน ม.ค.ปีหน้า รอคลังเซ็นแก้ไข พ.ร.บ.เงินตรา
นายประเวช องอาจสิทธิกุล ผู้ช่วยเลขาธิการอาวุโส สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต.ได้ออกหลักเกณฑ์การออก เสนอขาย และการซื้อขายใบรับฝากหลักทรัพย์ต่างประเทศที่เปลี่ยนมือได้ (Transferable Custody Receipt: TCR) เรียบร้อยแล้ว ซึ่งขณะนี้ได้ส่งเรื่องไปที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแล้ว
ทั้งนี้ หากบริษัทหลักทรัพย์มีความสนใจและตั้งทีมที่จะออก TCR ได้ทันทีแต่ก็ขึ้นอยู่กับจังหวะเหมาะสมในการดำเนินงาน โดย ก.ล.ต.ไม่ได้มีข้อกำหนดว่าผู้ออกจะต้องเป็นใครบ้างแต่ปกติแล้วทีมผู้ที่จะออกจะต้องมีธนาคารพาณิชย์อยู่ด้วย เพราะการออก TCR จะต้องใช้เงินทุน เพราะต้องมีการไปสำรวจว่าจะไปซื้อหุ้นใดในต่างประเทศ เพื่อนำมาออกเป็นTCR และนำจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และจะต้องมีผู้ที่คอยดูแลสภาพคล่อง
สำหรับ TCR นั้นถือว่าเป็นอีกท่างเลือกหนึ่งในการลงทุนต่างประเทศ ซึ่งผู้ลงทุนจะได้สิทธิเช่นเดียวกับการถือหุ้นสามัญ แต่จากต้นปีที่ผ่านมาธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีการเพิ่มวงเงินกองทุนรวมเพื่อไปลงทุนต่างประเทศ (FIF) จึงทำให้ความสนใจออกTCR ลดลง
“ตอนนี้ ก.ล.ต.ได้ออกเกณฑ์การออก TCR เรียบร้อยแล้ว ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้สนใจที่จะออก หาก ธปท.ไม่ได้เพิ่มวงเงินลงทุน FIF ในช่วงต้นปีนั้น เชื่อว่าจะมีผู้สนใจที่จะออกจำนวนมาก ซึ่งการที่ ก.ล.ต.ออกเกณฑ์ในการเอื้อให้เกิดมีตราสารการลงทุนใหม่ๆ นั้นเพื่อต้องการปูพื้นฐานในการที่จะให้ตลาดทุนมีการพัฒนา แม้ภาวะตลาดทุนโลก เศรษฐกิจ มีการเปลี่ยนไปเพื่อสร้างโอกาสในการลงทุนใหม่ๆ แก่นักลงทุนเมื่อจังหวะเหมาะ” นายประเวช กล่าว
นายประเวช กล่าวว่า ขณะนี้ ก.ล.ต.มีแนวคิดที่จะสนับสนุนให้นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ประเภท high net worth เข้ามาลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าระดับที่สามารถลงทุนได้ (Non-Investment Grade) หรือจังก์บอนด์กลับมาพิจารณาอีกครั้ง หลังจากที่ชะลอแผนออกไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เนื่องจากมองว่าเป็นจังหวะที่สถาบันการเงินสหรัฐอเมริกามีปัญหาทำให้ภาวะแบบนี้ธนาคารพาณิชย์น่าจะได้รับผลกระทบมาก ทำให้นักลงทุนบางส่วนอาจกังวลจนต้องชะลอการลงทุนไป
ทั้งนี้ ในเบื้องต้น ก.ล.ต.ต้องการให้มีการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงสูงในประเทศก่อน เพราะต้องการสนับสนุนให้บริษัทขนาดกลางและเล็กในประเทศ สามารถที่จะออกตราสารหนี้เพื่อที่จะนำเงินไปขยายธุรกิจ ก่อนที่จะสนับสนุนให้มีการไปลงทุนในตราสารหนี้ความเสี่ยงสูงในต่างประเทศ แต่จากภาวะปัจจุบันนักลงทุนสนใจจะไปลงทุนต่างประเทศมากกว่าจากราคาที่ต่ำและจะได้รับผลตอบแทนที่สูง แต่เรื่องดังกล่าวนั้นจะต้องมีการเสนอให้ทางคณะกรรมการ (บอร์ด) ก.ล.ต.พิจารณาก่อน
สำหรับ ก.ล.ต.คาดว่าจะเปิดซื้อขายฟิวเจอร์สที่อ้างอิงกับทองคำ (โกลด์ฟิวเจอร์ส) ในต้นเดือนมกราคม 2552 เนื่องจากขณะนี้อยู่ระหว่างการแก้ไขพระราชบัญญัต (พ.ร.บ.) เงินตราที่จะให้สามารถซื้อขายทองทำล่วงหน้าได้ จากก่อนหน้านี้ไม่สามารถทำได้จนทำให้ต้องมีการเลื่อนเทรดโกลด์ฟิวเจอร์จากกำหนดเดิมที่จะเปิดซื้อขายในเดือนกันยายนนี้ โดยเรื่องการแก้ไขนี้ได้ผ่านการพิจารณาของทาง ธปท.แล้วและส่งต่อไปให้ทางกระทรวงการคลังอนุมัติ
นายประเวช องอาจสิทธิกุล ผู้ช่วยเลขาธิการอาวุโส สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต.ได้ออกหลักเกณฑ์การออก เสนอขาย และการซื้อขายใบรับฝากหลักทรัพย์ต่างประเทศที่เปลี่ยนมือได้ (Transferable Custody Receipt: TCR) เรียบร้อยแล้ว ซึ่งขณะนี้ได้ส่งเรื่องไปที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแล้ว
ทั้งนี้ หากบริษัทหลักทรัพย์มีความสนใจและตั้งทีมที่จะออก TCR ได้ทันทีแต่ก็ขึ้นอยู่กับจังหวะเหมาะสมในการดำเนินงาน โดย ก.ล.ต.ไม่ได้มีข้อกำหนดว่าผู้ออกจะต้องเป็นใครบ้างแต่ปกติแล้วทีมผู้ที่จะออกจะต้องมีธนาคารพาณิชย์อยู่ด้วย เพราะการออก TCR จะต้องใช้เงินทุน เพราะต้องมีการไปสำรวจว่าจะไปซื้อหุ้นใดในต่างประเทศ เพื่อนำมาออกเป็นTCR และนำจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และจะต้องมีผู้ที่คอยดูแลสภาพคล่อง
สำหรับ TCR นั้นถือว่าเป็นอีกท่างเลือกหนึ่งในการลงทุนต่างประเทศ ซึ่งผู้ลงทุนจะได้สิทธิเช่นเดียวกับการถือหุ้นสามัญ แต่จากต้นปีที่ผ่านมาธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีการเพิ่มวงเงินกองทุนรวมเพื่อไปลงทุนต่างประเทศ (FIF) จึงทำให้ความสนใจออกTCR ลดลง
“ตอนนี้ ก.ล.ต.ได้ออกเกณฑ์การออก TCR เรียบร้อยแล้ว ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้สนใจที่จะออก หาก ธปท.ไม่ได้เพิ่มวงเงินลงทุน FIF ในช่วงต้นปีนั้น เชื่อว่าจะมีผู้สนใจที่จะออกจำนวนมาก ซึ่งการที่ ก.ล.ต.ออกเกณฑ์ในการเอื้อให้เกิดมีตราสารการลงทุนใหม่ๆ นั้นเพื่อต้องการปูพื้นฐานในการที่จะให้ตลาดทุนมีการพัฒนา แม้ภาวะตลาดทุนโลก เศรษฐกิจ มีการเปลี่ยนไปเพื่อสร้างโอกาสในการลงทุนใหม่ๆ แก่นักลงทุนเมื่อจังหวะเหมาะ” นายประเวช กล่าว
นายประเวช กล่าวว่า ขณะนี้ ก.ล.ต.มีแนวคิดที่จะสนับสนุนให้นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ประเภท high net worth เข้ามาลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าระดับที่สามารถลงทุนได้ (Non-Investment Grade) หรือจังก์บอนด์กลับมาพิจารณาอีกครั้ง หลังจากที่ชะลอแผนออกไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เนื่องจากมองว่าเป็นจังหวะที่สถาบันการเงินสหรัฐอเมริกามีปัญหาทำให้ภาวะแบบนี้ธนาคารพาณิชย์น่าจะได้รับผลกระทบมาก ทำให้นักลงทุนบางส่วนอาจกังวลจนต้องชะลอการลงทุนไป
ทั้งนี้ ในเบื้องต้น ก.ล.ต.ต้องการให้มีการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีความเสี่ยงสูงในประเทศก่อน เพราะต้องการสนับสนุนให้บริษัทขนาดกลางและเล็กในประเทศ สามารถที่จะออกตราสารหนี้เพื่อที่จะนำเงินไปขยายธุรกิจ ก่อนที่จะสนับสนุนให้มีการไปลงทุนในตราสารหนี้ความเสี่ยงสูงในต่างประเทศ แต่จากภาวะปัจจุบันนักลงทุนสนใจจะไปลงทุนต่างประเทศมากกว่าจากราคาที่ต่ำและจะได้รับผลตอบแทนที่สูง แต่เรื่องดังกล่าวนั้นจะต้องมีการเสนอให้ทางคณะกรรมการ (บอร์ด) ก.ล.ต.พิจารณาก่อน
สำหรับ ก.ล.ต.คาดว่าจะเปิดซื้อขายฟิวเจอร์สที่อ้างอิงกับทองคำ (โกลด์ฟิวเจอร์ส) ในต้นเดือนมกราคม 2552 เนื่องจากขณะนี้อยู่ระหว่างการแก้ไขพระราชบัญญัต (พ.ร.บ.) เงินตราที่จะให้สามารถซื้อขายทองทำล่วงหน้าได้ จากก่อนหน้านี้ไม่สามารถทำได้จนทำให้ต้องมีการเลื่อนเทรดโกลด์ฟิวเจอร์จากกำหนดเดิมที่จะเปิดซื้อขายในเดือนกันยายนนี้ โดยเรื่องการแก้ไขนี้ได้ผ่านการพิจารณาของทาง ธปท.แล้วและส่งต่อไปให้ทางกระทรวงการคลังอนุมัติ
