ไทยเบฟถูกถอนชื่อจาก 30 บริษัท ดัชนีสเตรทส์ ไทมส์ (STI) เพราะการซื้อขายเบาบาง อ้างเหตุนักลงทุนไม่มั่นใจกับสถานการณ์ของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในไทย ยันยังเทรดในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ตามปกติ
นายริชาร์ด โจนส์ รองผู้อำนวยการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) (ไทยเบฟ) เปิดเผยว่าล่าสุดบริษัทไม่ได้รวมอยู่ในรายชื่อ 30 บริษัท ของดัชนีสเตรทส์ ไทมส์ (STI) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ เทียบเท่ากับดัชนี SET 50 ของไทย ว่าเกิดจากการที่หลักทรัพย์มีการซื้อขายเบาบาง พร้อมยืนยันว่าบริษัทฯ ยังคงสถานะเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ใช้สัญลักษณ์ THBEV โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่ประการใด
" มูลค่าการซื้อขายที่เบาบางของหลักทรัพย์ในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคมถึงสิงหาคม 2551 เป็นผลมาจากการที่นักลงทุนรู้สึกถึงความไม่แน่นอนของสถานการณ์ปัจจุบันของประเทศไทยและบริษัทของประเทศไทยโดยรวม" นายริชาร์ด กล่าว
เนื่องจากในการจัดอันดับ STI Index ของตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์จะต้องมีหลักเกณฑ์หลายประการ โดยส่วนหนึ่งพิจารณาจากค่ากลางของเปอร์เซ็นต์จำนวนหุ้นที่มีการซื้อขายของแต่ละวัน โดยในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ต้องมีอย่างน้อย 8 เดือนที่มีการซื้อขายมากกว่า 0.04% ของจำนวนหุ้นหมุนเวียนในตลาดหลักทรัพย์ (Free Float) ซึ่งดังที่กล่าวในตอนต้นแล้วว่าหลักทรัพย์ของไทยเบฟมีการซื้อขายที่ค่อนข้างเบาบาง เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลกับบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย
อย่างไรก็ดี STI Index เป็นเพียงดัชนีชี้วัดประเภทหนึ่ง จึงไม่ส่งผลกระทบต่อสถานะการเป็นบริษัทจดทะเบียนในกระดานหลักของตลาดหลักทรัพย์แต่อย่างใด บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าทันทีที่ต่างชาติมีความเชื่อมั่นในเสถียรภาพของประเทศไทยอีกครั้ง การซื้อขายหลักทรัพย์ของไทยเบฟจะกลับมาคึกคักเช่นเดิม และจะเป็นหนึ่งในรายชื่อบริษัทในการจัดอันดับดังกล่าวอีกครั้ง
นายริชาร์ด โจนส์ รองผู้อำนวยการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัทไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) (ไทยเบฟ) เปิดเผยว่าล่าสุดบริษัทไม่ได้รวมอยู่ในรายชื่อ 30 บริษัท ของดัชนีสเตรทส์ ไทมส์ (STI) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ เทียบเท่ากับดัชนี SET 50 ของไทย ว่าเกิดจากการที่หลักทรัพย์มีการซื้อขายเบาบาง พร้อมยืนยันว่าบริษัทฯ ยังคงสถานะเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ใช้สัญลักษณ์ THBEV โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่ประการใด
" มูลค่าการซื้อขายที่เบาบางของหลักทรัพย์ในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคมถึงสิงหาคม 2551 เป็นผลมาจากการที่นักลงทุนรู้สึกถึงความไม่แน่นอนของสถานการณ์ปัจจุบันของประเทศไทยและบริษัทของประเทศไทยโดยรวม" นายริชาร์ด กล่าว
เนื่องจากในการจัดอันดับ STI Index ของตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์จะต้องมีหลักเกณฑ์หลายประการ โดยส่วนหนึ่งพิจารณาจากค่ากลางของเปอร์เซ็นต์จำนวนหุ้นที่มีการซื้อขายของแต่ละวัน โดยในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ต้องมีอย่างน้อย 8 เดือนที่มีการซื้อขายมากกว่า 0.04% ของจำนวนหุ้นหมุนเวียนในตลาดหลักทรัพย์ (Free Float) ซึ่งดังที่กล่าวในตอนต้นแล้วว่าหลักทรัพย์ของไทยเบฟมีการซื้อขายที่ค่อนข้างเบาบาง เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลกับบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย
อย่างไรก็ดี STI Index เป็นเพียงดัชนีชี้วัดประเภทหนึ่ง จึงไม่ส่งผลกระทบต่อสถานะการเป็นบริษัทจดทะเบียนในกระดานหลักของตลาดหลักทรัพย์แต่อย่างใด บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าทันทีที่ต่างชาติมีความเชื่อมั่นในเสถียรภาพของประเทศไทยอีกครั้ง การซื้อขายหลักทรัพย์ของไทยเบฟจะกลับมาคึกคักเช่นเดิม และจะเป็นหนึ่งในรายชื่อบริษัทในการจัดอันดับดังกล่าวอีกครั้ง
