ไทยพาณิชย์คาดยอดใช้จ่ายบัตรเครดิตกลับมาฟื้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายหลังการเมืองเริ่มคลี่คลาย โดยปัจจุบันมีฐานบัตรเคริดตที่ 1.65 ล้านบัตร และจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.8 ล้านบัตรในสิ้นปีนี้ ระบุในเดือนกันยายนที่ยอดการใช้จ่ายลดลงเป็นผลจากสถานการณ์การเมืองที่วุ่นวาย
นายรุ่งเรือง สุขเกิดกิจพิบูลย์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายผลิตภัณฑ์สินเชื่อลูกค้าบุคคล ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนกันยายนนี้ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของทั้งตลาดมีการปรับตัวลดลง ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาทางด้านการเมืองที่ทำให้ผู้บริโภคไม่อยากจับจ่ายใช้สอย รวมถึงในช่วงที่ผ่านมาได้มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในเขตกรุงเทพ และเมื่อมีการยกเลิก พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ไปแล้วประกอบกับสถานการณ์ต่าง ๆ เริ่มคลี่คลายก็เชื่อว่าในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ยอดการใช้จ่ายจะเริ่มกลับมาอีกครั้ง ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาไม่ได้กระทบลูกค้าระดับบนแต่อย่างใด
"ถ้าการเมืองไม่นิ่งก็คิดว่าควรจะประหยัดดีกว่า ก็เลยกระทบกับยอดการใช้จ่ายผ่านบัตร แต่เชื่อว่าจะสถานการณ์ตอนนี้ยังไงไตรมาส 4
ทุกอย่างก็น่าจะกลับมาได้และจะดีขึ้น ท่องเที่ยวก็จะมีกรุ๊ปใหม่เข้ามา ตอนนี้ก็เริ่มทางออก ส่วนยอดใช้จ่ายที่ลดลงในไตรมาส 3 หรือเดือนกันยายนนี้ก็เป็นปกติของทุกปีอยู่แล้ว แต่ปีนี้อาจจะมากกว่าทุกครั้ง"
โดยปัจจุบันธนาคารมีฐานบัตรเครดิตอยู่ที่ 1.65 ล้านบัตร ซึ่งคาดว่าในสิ้นปีจะเพิ่มเป็น 1.8 ล้านบัตร โดยตั้งแต่ต้นปีที่มียอดบัตรใหม่เพิ่มขึ้น 2 แสนบัตร สำหรับยอดการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อบัตรต่อเดือนอยู่ที่ 5,600 บาท และเป็นบัตรที่มีการใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง (แอคทีฟ) 60% ส่วนยอดใช้จ่ายผ่านบัตรรวมในช่วง 8 เดือนอยู่ที่กว่า 70,000 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 60,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 15% สำหรับยอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 21,000 ล้านบาท จากเป้าหมาย 25,000 ล้านบาท แต่คาดว่าในสิ้นปีจะสามารถทำได้ 23,000-24,000 ล้านบาท
สำหรับยอดการผิดนัดชำระ 30 วันขึ้นไป อยู่ที่ 3% ขณะที่ของทั้งระบบอยู่ที่ 5% และมียอดยกเลิกบัตรเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 4,000-5,000 บัตร หรือคิดเป็น 0.25% ของฐานบัตรรวม
นายรุ่งเรือง สุขเกิดกิจพิบูลย์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ สายผลิตภัณฑ์สินเชื่อลูกค้าบุคคล ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนกันยายนนี้ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของทั้งตลาดมีการปรับตัวลดลง ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาทางด้านการเมืองที่ทำให้ผู้บริโภคไม่อยากจับจ่ายใช้สอย รวมถึงในช่วงที่ผ่านมาได้มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในเขตกรุงเทพ และเมื่อมีการยกเลิก พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ไปแล้วประกอบกับสถานการณ์ต่าง ๆ เริ่มคลี่คลายก็เชื่อว่าในช่วงไตรมาส 4 ของปีนี้ยอดการใช้จ่ายจะเริ่มกลับมาอีกครั้ง ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาไม่ได้กระทบลูกค้าระดับบนแต่อย่างใด
"ถ้าการเมืองไม่นิ่งก็คิดว่าควรจะประหยัดดีกว่า ก็เลยกระทบกับยอดการใช้จ่ายผ่านบัตร แต่เชื่อว่าจะสถานการณ์ตอนนี้ยังไงไตรมาส 4
ทุกอย่างก็น่าจะกลับมาได้และจะดีขึ้น ท่องเที่ยวก็จะมีกรุ๊ปใหม่เข้ามา ตอนนี้ก็เริ่มทางออก ส่วนยอดใช้จ่ายที่ลดลงในไตรมาส 3 หรือเดือนกันยายนนี้ก็เป็นปกติของทุกปีอยู่แล้ว แต่ปีนี้อาจจะมากกว่าทุกครั้ง"
โดยปัจจุบันธนาคารมีฐานบัตรเครดิตอยู่ที่ 1.65 ล้านบัตร ซึ่งคาดว่าในสิ้นปีจะเพิ่มเป็น 1.8 ล้านบัตร โดยตั้งแต่ต้นปีที่มียอดบัตรใหม่เพิ่มขึ้น 2 แสนบัตร สำหรับยอดการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อบัตรต่อเดือนอยู่ที่ 5,600 บาท และเป็นบัตรที่มีการใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง (แอคทีฟ) 60% ส่วนยอดใช้จ่ายผ่านบัตรรวมในช่วง 8 เดือนอยู่ที่กว่า 70,000 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 60,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 15% สำหรับยอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 21,000 ล้านบาท จากเป้าหมาย 25,000 ล้านบาท แต่คาดว่าในสิ้นปีจะสามารถทำได้ 23,000-24,000 ล้านบาท
สำหรับยอดการผิดนัดชำระ 30 วันขึ้นไป อยู่ที่ 3% ขณะที่ของทั้งระบบอยู่ที่ 5% และมียอดยกเลิกบัตรเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 4,000-5,000 บัตร หรือคิดเป็น 0.25% ของฐานบัตรรวม
