นักเศรษฐศาสตร์คาด ยอดขายบ้านสหรัฐ อาจร่วงเกือบแตะระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี โดยมูลค่าบ้านที่ลดลง และการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ชะลอตัว เพราะประชาชนต้องปากกัดตีนถีบมากขึ้น เป็นสัญญาณบ่งชี้เศรษฐกิจสหรัฐ กำลังย่ำแย่ลงไปอีก คาดยอดซื้อบ้านมือหนึ่งวูบลง 0.9% เหลือ ส่วนบ้านมือสองอาจขยับขึ้น 1% แนะจับตาตัวเลขอย่างเป็นทางการ 26 ส.ค.นี้
วันนี้ (25 ส.ค.) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานภาวะตลาดการเงินของสหรัฐ โดยนักเศรษฐศาสตร์ของสหรัฐ ได้คาดการณ์ว่ายอดขายบ้านในสหรัฐอาจร่วงเกือบแตะระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี โดยมูลค่าบ้านที่ลดลง และการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ชะลอตัวลง ส่งสัญญาณให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจย่ำแย่ลงอีก
ทั้งนี้ ผลสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์โดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กประมาณการณ์ว่า ผู้บริโภคในสหรัฐน่าจะทำการซื้อบ้านมือหนึ่งและมือสองราว 5.435 ล้านหลังในเดือน ก.ค. หรือเกือบแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 10 ปีที่ 5.39 ล้านหลังในเดือน มิ.ย. ส่วนการใช้จ่ายผู้บริโภคอาจขยายตัว 0.3% ในเดือน ก.ค. หรือเพียงครึ่งหนึ่งของการขยายตัวในเดือน มิ.ย.
นักวิเคราะห์ยังคาดการณ์อีกว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์จะยังถดถอยไปจนถึงปีหน้า ในขณะที่ราคาบ้านก็ปรับลดลง ส่วนค่าแรงก็ไม่มีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งเป็นกลไลหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจลดลง ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวในที่สุด
แม็กซ์เวลล์ คลาร์ก หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก IDEAGlobal Inc. ในนิวยอร์ก กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐค่อนข้างมืดมน โดยเชื่อว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ คงไม่ฟื้นตัวในเร็ววันนี้ ขณะที่ผู้บริโภคก็ต้องปากกัดตีนถีบเพื่อหาเลี้ยงตัวเอง การใช้จ่ายผู้บริโภคจึงซบเซาอย่างหนัก
นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า ยอดซื้อบ้านมือหนึ่งน่าจะลดลงราว 0.9% เหลือ 525,000 ยูนิต ส่วนยอดซื้อบ้านมือสองคาดว่าจะขยับขึ้น 1% เป็น 4.91 ล้านยูนิต โดยกระทรวงพาณิชย์และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะเปิดเผยตัวเลขดังกล่าวอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 26 ส.ค.นี้
