สรรพากร เดินสายปลูกจิตสำนักให้เสียภาษีตั้งแต่เด็ก จัดให้ความรู้เรื่องภาษีพวกดารา แดนซ์เซอร์ แก่วัยรุ่น มั่นใจปีนี้เก็บรายได้เกินเป้า 50,000 ล้านบาท จากเป้าทั้งปี 1.2 ล้านล้านบาท หลังเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้มากขึ้น ส่วนปี 52 คาดเก็บเพิ่มขึ้นอีก 8% ยันยังเก็บภาษีจาก "ทักษิณ" ได้ตามปกติ
นายสาธิต รังคสิริ โฆษกกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากรได้ใช้งบประมาณ 2 ล้านบาทในการจัดงานสรรพากร ออน ทัวร์ปีที่ 2 เพื่อเดินสายไป 3 จังหวัด คือ เชียงใหม่ อุดรธานี และสงขลา เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับประชาชน ตั้งแต่ระดับเยาวชนจนถึงบุคคลทั่วไป ระหว่างเดือนส.ค.-ก.ย.นี้ โดยจะจัดเวิร์คช็อป 4 อาชีพที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ใฝ่ฝัน คือ นายและนางแบบ นักร้อง ดีเจ แดนซ์เซอร์ เพื่อให้ความรู้ทางภาษีก่อนเป็นมืออาชีพ และกิจกรรมต่าง ๆ ที่เน้นการปลูกฝังจิตสำนักที่ดีในการเป็นพลเมืองดี เพราะเชื่อว่า เมื่อกลุ่มคนรุ่นใหม่เหล่านี้เติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ไปประกอบอาชีพต่างๆ ก็จะมีจิตสำนึกที่ดีในการเสียภาษีให้รัฐอย่างถูกต้องต่อไปด้วย และหากได้รับการตอบรับที่ดี ปีต่อไปก็จะจัดงานให้หลากหลายมากขึ้นต่อไป
ทั้งนี้การที่กรมเลือกกลุ่มเยาวชนที่ต้องการออกไปประกอบอาชีพด้านดารา นักแสดงดังกล่าวนี้ก่อน เนื่องจากเห็นว่าเป็นกลุ่มหนึ่งที่มีรายได้สูง และมีกระแสความนิยมจากกลุ่มวัยรุ่นที่ต้องการออกไปประกอบอาชีพด้านนี้มากขึ้น ขณะเดียวกันในอดีตที่ผ่านมา กลุ่มดารานั้นจะมีปัญหาการจัดเก็บภาษีมาก เพราะมีรายได้สูง แต่เสียภาษีไม่ค่อยถูกต้องเพราะไม่มีความรู้ และจะมีรายได้ในช่วงอายุหนึ่งเท่านั้น รวมทั้งเป็นอาชีพที่อิสระ ไม่มีนายจ้าง แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้มีรายได้สูงตลอดเวลา แต่ทั้งนี้ในปัจจุบันกลุ่มอาชีพดาราได้เข้าสู่ระบบการเสียภาษีที่ถูกต้องเกือบทั้งหมดแล้ว เพราะมีความรู้มากขึ้น สนใจที่จะเสียภาษี เพราะส่วนหนึ่งจะได้ภาษีคืนด้วย ขณะเดียวกันบริษัทต่างๆ ก็หักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ ทำให้กลุ่มดาราเหล่านี้เสียภาษีถูกต้องแล้ว
นายสาธิต กล่าวว่า การจัดเก็บภาษีในปีงบประมาณ 2551 นี้ เชื่อว่าจะจัดเก็บได้เกินเป้าหมายที่วางไว้ 1.2 ล้านล้านบาทไปอีก 50,000 ล้านบาท เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศอยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ที่ได้เพิ่มขึ้น ทำให้เห็นว่าการบริโภคของประชาชนคล่องตัวมากขึ้น นอกจากนี้ยังจัดเก็บรายได้จากอากรแสตมป์ได้มากขึ้นด้วย ทำให้คาดว่าในปีงบประมาณ 52 นั้น กรมอาจจะจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นจากปีนี้อีก 8% หรือวางเป้าหมายไว้ที่ 1.4 ล้านล้านบาท
ส่วนกรณีการลี้ภัยทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการติดตามจัดเก็บภาษีที่เกี่ยวข้องในหลาย ๆ กรณี เพราะที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้อายัดทรัพย์สินไว้แล้ว และตามกฎหมาย หากแหล่งรายได้เกิดในประเทศไทย ไม่ว่าเจ้าตัวจะอยู่ในประเทศหรือไม่ ต้องเสียภาษีให้กรมฯ แต่หากมีรายได้จากนอกประเทศ และเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศ 180 วัน ก็ต้องเสียภาษาให้กรมฯ เช่นกัน
รายงานข่าวจากกรมสรรพากร กล่าวว่า ในกลุ่มวงการบันเทิงปัจจุบันนี้กลุ่มอาชีพของผู้ประกาศข่าว เช่น นายสรยุทธ์ สุทัศนจินดา เสียภาษีสูงมากที่สุด แซงหน้าจากที่ปีก่อน ๆ นี้ จะเป็นกลุ่มของพรีเซ็นเตอร์ โดยมีน.ส.แคทรียา แม็คอินทอช ในช่วงก่อนที่จะแต่งงานเป็นผู้เสียภาษีสูงสุด และกลุ่มของนักร้องโดยมีนายธงไชย แม็คอินไตย์ เสียภาษีสูงสุด รองมาคือ ไมค์ ภิรมย์ภรณ์ เป็นต้น
นายสาธิต รังคสิริ โฆษกกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากรได้ใช้งบประมาณ 2 ล้านบาทในการจัดงานสรรพากร ออน ทัวร์ปีที่ 2 เพื่อเดินสายไป 3 จังหวัด คือ เชียงใหม่ อุดรธานี และสงขลา เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับประชาชน ตั้งแต่ระดับเยาวชนจนถึงบุคคลทั่วไป ระหว่างเดือนส.ค.-ก.ย.นี้ โดยจะจัดเวิร์คช็อป 4 อาชีพที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ใฝ่ฝัน คือ นายและนางแบบ นักร้อง ดีเจ แดนซ์เซอร์ เพื่อให้ความรู้ทางภาษีก่อนเป็นมืออาชีพ และกิจกรรมต่าง ๆ ที่เน้นการปลูกฝังจิตสำนักที่ดีในการเป็นพลเมืองดี เพราะเชื่อว่า เมื่อกลุ่มคนรุ่นใหม่เหล่านี้เติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ไปประกอบอาชีพต่างๆ ก็จะมีจิตสำนึกที่ดีในการเสียภาษีให้รัฐอย่างถูกต้องต่อไปด้วย และหากได้รับการตอบรับที่ดี ปีต่อไปก็จะจัดงานให้หลากหลายมากขึ้นต่อไป
ทั้งนี้การที่กรมเลือกกลุ่มเยาวชนที่ต้องการออกไปประกอบอาชีพด้านดารา นักแสดงดังกล่าวนี้ก่อน เนื่องจากเห็นว่าเป็นกลุ่มหนึ่งที่มีรายได้สูง และมีกระแสความนิยมจากกลุ่มวัยรุ่นที่ต้องการออกไปประกอบอาชีพด้านนี้มากขึ้น ขณะเดียวกันในอดีตที่ผ่านมา กลุ่มดารานั้นจะมีปัญหาการจัดเก็บภาษีมาก เพราะมีรายได้สูง แต่เสียภาษีไม่ค่อยถูกต้องเพราะไม่มีความรู้ และจะมีรายได้ในช่วงอายุหนึ่งเท่านั้น รวมทั้งเป็นอาชีพที่อิสระ ไม่มีนายจ้าง แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้มีรายได้สูงตลอดเวลา แต่ทั้งนี้ในปัจจุบันกลุ่มอาชีพดาราได้เข้าสู่ระบบการเสียภาษีที่ถูกต้องเกือบทั้งหมดแล้ว เพราะมีความรู้มากขึ้น สนใจที่จะเสียภาษี เพราะส่วนหนึ่งจะได้ภาษีคืนด้วย ขณะเดียวกันบริษัทต่างๆ ก็หักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ ทำให้กลุ่มดาราเหล่านี้เสียภาษีถูกต้องแล้ว
นายสาธิต กล่าวว่า การจัดเก็บภาษีในปีงบประมาณ 2551 นี้ เชื่อว่าจะจัดเก็บได้เกินเป้าหมายที่วางไว้ 1.2 ล้านล้านบาทไปอีก 50,000 ล้านบาท เนื่องจากเศรษฐกิจในประเทศอยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ที่ได้เพิ่มขึ้น ทำให้เห็นว่าการบริโภคของประชาชนคล่องตัวมากขึ้น นอกจากนี้ยังจัดเก็บรายได้จากอากรแสตมป์ได้มากขึ้นด้วย ทำให้คาดว่าในปีงบประมาณ 52 นั้น กรมอาจจะจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นจากปีนี้อีก 8% หรือวางเป้าหมายไว้ที่ 1.4 ล้านล้านบาท
ส่วนกรณีการลี้ภัยทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการติดตามจัดเก็บภาษีที่เกี่ยวข้องในหลาย ๆ กรณี เพราะที่ผ่านมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้อายัดทรัพย์สินไว้แล้ว และตามกฎหมาย หากแหล่งรายได้เกิดในประเทศไทย ไม่ว่าเจ้าตัวจะอยู่ในประเทศหรือไม่ ต้องเสียภาษีให้กรมฯ แต่หากมีรายได้จากนอกประเทศ และเข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศ 180 วัน ก็ต้องเสียภาษาให้กรมฯ เช่นกัน
รายงานข่าวจากกรมสรรพากร กล่าวว่า ในกลุ่มวงการบันเทิงปัจจุบันนี้กลุ่มอาชีพของผู้ประกาศข่าว เช่น นายสรยุทธ์ สุทัศนจินดา เสียภาษีสูงมากที่สุด แซงหน้าจากที่ปีก่อน ๆ นี้ จะเป็นกลุ่มของพรีเซ็นเตอร์ โดยมีน.ส.แคทรียา แม็คอินทอช ในช่วงก่อนที่จะแต่งงานเป็นผู้เสียภาษีสูงสุด และกลุ่มของนักร้องโดยมีนายธงไชย แม็คอินไตย์ เสียภาษีสูงสุด รองมาคือ ไมค์ ภิรมย์ภรณ์ เป็นต้น
