เวิลด์แบงก์ เผยนักลงทุนต่างชาติในเวียดนาม หันไปซื้อเงินดอลล์จากตลาดมืด หลังธนาคารกลาง ใช้มาตรการคุมเงินดอลลาร์ ส่งผลให้ตลาดหุ้นร่วงหนักลงไปอีก ขณะที่ดอกเบี้ยนโยบายสูงถึง 20%
วันนี้ ( 4 ก.ค.) ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ได้เปิดเผยรายงานความเสี่ยงภาวะเศรษฐกิจเอเชีย โดยเฉพาะเวียดนาม ซึ่งมีอัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงที่สุดในโลกถึง 25% กรณีที่เกิดขึ้น ธนาคารกลางเวียดนาม กำลังแก้ปัญหาไม่ถูกจุด เพราะมาตรการควบคุมเงินสกุลดองของเวียดนามกดดันให้นักลงทุนต่างชาติต้องเข้าไปแสวงหาเงินดอลลาร์ในตลาดมืด เป็นเหตุให้ตลาดหุ้นเวียดนามที่ย่ำแย่ที่สุดในโลก ยิ่งร่วงหนักลงไปอีก นอกจากนั้นยังหนุนให้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงพุ่งเหนือระดับ 20%
ธนาคารโลก ยังระบุเพิ่มเติมว่า ธุรกิจที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลต้องจ่ายเงินมากกว่าปกติ 7% เมื่อใช้เงินดองในการซื้อเงินดอลลาร์ เนื่องจากทางรัฐบาลให้สิทธิพิเศษกับบริษัทคู่ค้าในการเข้าถึงเงินดอลลาร์
นายเควิน สโนวบอล ผู้จัดการฝ่ายการเงินจากบริษัท PXP Vietnam ในกรุงโฮจิมินห์ซิตี้ กล่าวยอมรับว่า ขณะนี้เวียดนามกำลังประสบปัญหาการขาดแคลนเงินดอลลาร์อย่างเห็นได้ชัด พร้อมตั้วข้อสังเกตุว่า หากนักลงทุนต้องการใช้เงินดอลลาร์ซื้อเงินดอง นักลงทุนจะได้รับอัตราการซื้อขายตามมาตรฐาน แต่ถ้านักลงทุนต้องการใช้เงินดองซื้อเงินดอลลาร์ มันจะเป็นคนละเรื่องกันเลย
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก ดอทคอม รายงานว่า ตลาดการเงินของเวียดนามทรุดตัวลงอย่างหนักหลังจากที่ในปีนี้ธนาคารกลางประกาศขึ้นดอกเบี้ยกว่า 3 ครั้งจนแตะระดับ 14% เพื่อควบคุมเงินเฟ้อที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี ที่ 26.8% ในเดือนมิ.ย. ในขณะที่เศรษฐกิจก็มีการขยายตัวเพียง 6.5% ในครึ่งปีแรก ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 7 ปี ส่วนยอดขาดดุลการค้าก็ขยายตัวกว่า 2 เท่า แตะ 1.48 หมื่นล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นเวียดนามร่วงลงกว่า 54% ตั้งแต่เดือน ธ.ค.ปีที่แล้ว ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลประเภท 5 ปี ทะยานแตะ 20.53% ณ วันที่ 13 มิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปี 2549 จากระดับ 8.71% ณ วันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา
