xs
xsm
sm
md
lg

PS คุมความเสี่ยงเหล็กผันผวน จ่อซื้อบิ๊กล็อตหลังคาสำเร็จรูปหวังคุมต้นทุน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เหล็กรูปพรรณปรับตัวผันผวน ส่งผลต้นทุนเหล็กในการก่อสร้างบ้านไม่นิ่ง ค่ายพฤกษาฯเร่งคุมความเสี่ยงต้นทุนก่อสร้าง เสนอสั่งซื้อโครงสร้างหลังคาสำเร็จรูปแบบยกล็อตใหญ่ แลกราคาขายที่เหมาะสม ด้าน “อีซี่ ทรัส” แจงเหล็กรูปพรรณปรับราคากว่า 100% ขณะที่ราคาโครงสร้างหลังค้าสำเร็จรูปยังยืนราคาขายไม่ปรับขึ้น ระบุผู้ประกอบการรับสร้างบ้าน-จัดสรร หันลดความเสี่ยงสั่งซื้อเพียบหนุนยอดขายทะลุเป้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลพวงจากการปรับตัวของราคาเหล็กรูปพรรณในช่วงที่ผ่ามา ส่งผลต่อต้นทุนการก่อสร้างบ้านของผู้ประกอบการบ้านจัดสรรค่อนข้างมาก ทำให้บริษัทจัดสรรหลายๆราย ปรับตัวลดความเสี่ยงจากความผันผวนของต้นทุนเหล็ก โดยหันไปมาใช้บริการโครงสร้างหลังคาสำเร็จรูปในตลาด โดยบริษัทจัดสรรรายใหญ่อย่าง บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) บริษัทที่มีจำนวนการพัฒนาบ้านทุกระดับออกสู่ตลาดในแต่ละปีจำนวนมาก ก็เป็นอีกรายหนึ่งที่จะหันมาใช้โครงสร้างหลังคาสำเร็จรูป โดยสั่งซื้อเป็นล็อตใหญ่ เพื่อแลกกับราคาขายที่ต่ำกว่าราคาตลาด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาราคาซื้อขายอยู่ในปัจจุบัน

นายสรพล คงรอด กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฮาส์ เฟรนด์ลี่ โปรดักส์ จำกัด ผู้ผลิตโครงหลังคาเหล็กสำเร็จรูป แบรนด์ อีซี่ ทรัส (EASY TRUSS) กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทรับสร้างบ้าน และผู้ประกอบการบริษัทบ้านจัดสรร ต่างประสบปัญหาต้นทุนการก่อสร้างจากเหล็ก โดยเหล็กรูปพรรณมีการปรับราคาขึ้นไปแล้วกว่า 100% จากเดิมที่มีราคาขายอยู่ที่ 22-24บาทต่อกิโลกรัม ปรับมาอยู่ที่ 42-45 บาทต่อกก.ในปัจจุบัน ทำให้กระทบต่อต้นทุนการก่อสร้างบ้านค่อนข้างมา โดยเฉพาะโครงสร้างหลังคาที่ปัจจุบันใช้เหล็กเป็นส่วนประกอบหลักของโครงการสร้าง

สำหรับโครงสร้างหลังคาสำเร็จรูปในปัจจุบัน ผู้ผลิตจะใช้เหล็กรับแรงดึงสูงหรือเหล็กกล้า ซึ่งมีราคาผันผวนต่ำกว่าเหล็กรูปพรรณในตลาด ทำให้ยังคงราคาขายราคาเดิมได้โดยไม่ต้องปรับราคาขึ้นรับต้นทุนใหม่ ซึ่งที่ผ่านมา ราคาขยับขึ้นไปเพียง20-30% ในขณะที่ราคาขายของโครงสร้างหลังคาสำเร็จรูปนั้นจะแพงกว่าโครงสร้างหลังคาประกอบเอง ซึ่งใช้เหล็กรูปพรรณอยู่ 5-7% เมื่อราคาเหล็กรูปพรรณปรับตัวขึ้นกว่า 100% ทำให้ต้นทุนโครงสร้างหลังคาสำเร็จรูป และโครงสร้างหลังคาที่ประกอบจากเหล็กรูปพรรณขยับเข้าใกล้กันค่อนข้ามมาก

“ ผู้ประกอบการบ้านจัดสรรเองต้องการลดความเสี่ยง จากการผันผวนราคาเหล็กรูปพรรณ ซึ่งยังไม่สามารถควบคุมราคาได้ให้ชัดเจนได้ ประกอบกับโครงการจัดสรรต้องการเร่งก่อสร้างบ้านให้เสร็จและสามารถโอนบ้านให้ลูกค้าก่อนสิ้นสุดมาตรการทางภาษี จึงปรับตัวมาใช้โครงสร้างหลังคาสำเร็จรูปที่สามารถคุมราคาได้ และสามารถประหยัดเวลาในการประกอบ โดยไม่มีค่าสูญเสียจากการตัด ต่อ และการประกอบชิ้นส่วนหลังคา ”

ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งแรกของปี 51 บริษัทฯมียอดขาย 60 ล้านบาท เกินเป้าที่วางไว้ทั้งปีแล้ว และคาดว่าตลอดทั้งปีจะมียอดขายเพิ่มมาอยู่ที่ 80 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น