xs
xsm
sm
md
lg

“ลีโอวูด” ตรึงราคาพื้นไม้ยันสิ้นปี-ปรับแผนพึ่งโมเดิร์นเทรด ออกสินค้าไม้จริงรับลูกค้า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ลีโอวูด” เผยต้นทุนผลิตปรับขึ้น 10% กัดฟันตรึงราคาขายพื้นไม้ยันสิ้นปี ส่งผลกำไรในรอบ 5เดือน ลดฮวบ 50% ตั้งสมมติฐานหากเงินบาทอ่อนค่าต่ำกว่า 35 บาท/ดอลลาร์ปรับราคาขายขึ้นแน่อีก 5% แต่ยังหวั่นใจลูกค้าอาจไม่มีกำลังซื้อ เชื่อปีหน้าบ้านจัดสรรวูบ เล็งขยายช่องทางจำหน่ายผ่านร้านโมเดิร์นเทรด หวังแย่งแชร์ยี่ปั๊วขายไม้ ล่าสุดออกพื้นไม้กันปลวก “LeoDura”

นายสมานชัย อธิพันธุ์อำไพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีโอวูด อินเตอร์เทรด จำกัด ผู้ผลิตพื้นไม้ แบรนด์ “ลีโอวูด” เปิดเผยว่า จากแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวม คาดว่าจะชะลอตัวลง ตามภาวะเศรษฐกิจ การพัฒนาที่อยู่อาศัยแนวราบลดลงอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตามตลาดระดับบนยังคงมีการเติบโต โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม นอจกากนี้ รูปแบบ(เทรนด์)การตกแต่งบ้านและห้องชุดยังนิยมตกแต่งด้วยพื้นไม้มากขึ้น ทำให้บริษัทเตรียมที่จะหันมามุ่งตลาดพื้นไม้จริงเพิ่มมากขึ้น จากเดิมมีสินค้าประเภทพื้นไม้ลามิเนตถึง 60% ของผลิตภัณฑ์ทั้งหมด ที่เหลือเป็นพื้นไม้จริงและพื้นไม้เทคนิค โดยบริษัทจะเพิ่ผลิตภัณฑ์ในพื้นไม้จริงและพื้นไม้เทคนิคเพิ่มเป็น 50% เพื่อรองรับความต้องการของตลาด

“ปัจจุบันพื้นไม้ลามิเนตถือว่ามีการเติบโตมาถึงจุดสูงสุดแล้ว หลังจากนี้เชื่อว่า ตลาดจะเริ่มเปลี่ยนไป ในที่สุดพื้นไม้ลามิเนตก็จะต้องชะลอตัวลง อีกทั้งคู่แข่งในตลาดยังมีจำนวนมาก บริษัทจึงหันไปเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ไม้จริงแทน”

ล่าสุด ได้มีการคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมพื้นไม้จริงที่สามารถป้องกันปลวกและมอด ภายใต้ชื่อ “LeoDura” ซึ่งเป็นพื้นไม้จริง พร้อมทั้งรับประกันคุณภาพกันปลวก 5 ปี ระดับราคาขายปลีก 2,000-3,500 บาท/ตร.ม. ขายโครงการ 1,200-2,000 บาท/ตร.ม. ซึ่งระดับราคาดังกล่าวจะถูกกว่าร้านค้าปลีกทั่วไปถึง 20% ส่วนพื้นไม้ลามิเนต ราคาขายปลีก 400-500 บาท/ตร.ม. ขายโครงการประมาณ 700 บาท/ตร.ม.

นายสมานชัย กล่าวต่อว่า ตลาดพื้นไม้ในปัจจุบันถือว่ามีปัจจัยลบอย่างมาก โดยเฉพาะต้นทุนพลังงาน ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตในปัจจุบันปรับเพิ่มขึ้นถึง 10% รวมไปถึงค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงอยู่ในระดับ 33-34 บาท ต่อดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ต้นทุนไม้ของบริษัทเพิ่มขึ้น เพราะไม้ที่ใช้ในการผลิตสั่งนำเข้า 100%

อย่างไรก็ตาม หากค่าเงินบาทอยู่ในระดับดังกล่าว บริษัทจะยังคงราคาขายไว้ในระดับนี้ไปจนถึงสิ้นปี เพื่อให้ลูกค้าสามารถซื้อหาได้ แต่หากเงินบาทอ่อนค่าต่ำวก่า 35 บาทบริษัทจะต้องพิจารณาปรับขึ้นราคาขายอีกประมาณ 5% เพราะไม่สามารถแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้

ทั้งนี้ จากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้กำไรของบริษัทในรอบ 5 เดือนลดลงถึง 50% จากเดิมที่มีกำไรสุทธิประมาณ 10% ลดลงเหลือแค่ 5% เท่านั้น อย่างไรก็ดีบริษัทได้พยายามลดค่าใช้จ่ายในส่วนที่ไม่จำเป็นออก รวมถึงการบริหารต้นทุน เพื่อให้สามารถคงกำไรสุทธิเฉลี่ยทั้งปีที่ระดับ 6% ให้ได้

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะขยายช่องทางการจำหน่ายไปยังรายย่อยเพิ่มขึ้น โดยผ่านเอเยนต์และร้านโมเดิร์นเทรด เช่น โฮมโปร โฮมเวิร์ค บุญถาวร เป็นต้น จากเดิมที่บริษัทมีลูกค้าโครงการถึง 65% ส่วนรายย่อย 35% โดยมีเป้าหมายที่จะขายผ่านรายย่อยขยับเพิ่มเป็น 50% ภายในปี52 และได้ตั้งงบโฆษณาประชาสัมพันธ์ไว้ 40 ล้านบาท เพื่อให้ลูกค้าทั่วไปเข้ามาซื้อพื้นไม้จริงในร้านค้ามิเดิร์นเทรด จากเดิมที่ซื้อตามร้านค้าย่อยทั่วไป

สำหรับเป้าหมายการขายในปีนี้ตั้งไว้ที่ 650 ล้านบาท และคาดว่า หลังจากหันมาเน้นขายผ่านโมดิร์นเทรดแล้ว บริษัทคาดว่าในปีหน้าจะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ส่วนมูลค่าตลาดรวมพื้นไม้ทั้งหมดมีจำนวน 4,000 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น