เอเชีย กรีน แต่งตั้ง กิมเอ็ง(ประเทศไทย ) และพัฒนสิน เป็นแกนนำในการจัดจำหน่ายหุ้นIPO พร้อมเดินหน้าโรดโชว์ทั่วประเทศ หลังได้แอสเซท โปร แมเนจ เม้นท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน มั่นใจได้รับความสนใจจากนักลงทุน เพราะผลการดำเนินงานดีต่อเนื่องผลจากผู้ประกอบการหันมาใช้ถ่านหินเพิ่มสูง
บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) (AGE) ประกาศแต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KEST) และ บริษัทหลักทรัพย์ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) (CNS) เป็นแกนนำในการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน พร้อมเดินหน้าโรดโชว์ทั่วประเทศ โดยมีบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
นายพนม ควรสถาพร กรรมการผู้จัดการ AGE เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมาไทยและทั่วโลกประสบปัญหาวิกฤตพลังงาน ที่มีอย่างจำกัดและราคาสูง ทำให้การดำเนินธุรกิจต่างๆมีต้นทุนที่สูงขึ้น จึงทำให้โรงงานอุตสาหกรรมส่วนใหญ่มีแนวโน้มเปลี่ยนมาใช้พลังงานทดแทนประเภทอื่นๆมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังงานจากถ่านหินคุณภาพสูง หรือถ่านหินประเภทบิทูมินัส ซึ่งให้ค่าความร้อนสูงและที่สำคัญไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม โดย 3 ปีที่ผ่านมาการเติบโตมีสูงชึ้นต่อเนื่อง คาดปีนี้มีลูกค้าเพิ่มขึ้นอีก 400 ราย จากเดิมที่มีอยู่แล้วกว่า 200 ราย
บริษัทจึงเล็งเห็นว่าในอนาคตความต้องการถ่านหินชนิดนี้จะเพิ่มสูงขึ้น จึงตัดสินใจนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai เพื่อนำเงินทีได้จากระดมทุน มาใช้ในการปรับปรุงคลังสินค้าและโรงคัดแยกถ่านหิน รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อรองรับปริมาณยอดขายที่เพิ่มมากขึ้น
นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า บริษัทได้ทำการยื่นคำขออนุญาตและแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ให้กับประชาชนครั้งแรก (ไฟลิ่ง) ต่อทางสำนักงาน ก.ล.ต. เมื่อเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา ปัจจุบัน AGE มีทุนจดทะเบียน 140 ล้านบาท เป็นทุนชำระแล้ว 105 ล้านบาท และจะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนอีก 35 ล้านหุ้น (มูลค่าที่ตราไว้ 1 บาทต่อหุ้น) โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นจากสำนักงาน ก.ล.ต.ทั้งนี้ คาดว่าบริษัทจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ได้ไตรมาส3 นี้
ขณะที่แกนนำในการจัดจำหน่ายหุ้นทั้ง KEST และ CNS กล่าวว่าหุ้น AGE จะได้รับความสนใจจากนักลงทุน จากการที่หลายบริษัทในตลาด mai ที่มีลักษณะเดียวกันมีผลการดำเนินงานเติบโตดีต่อเนื่อง โดยบริษัทฯมีแผนที่จะนำเสนอข้อมูลของให้กับประชาชนทั่วไป ช่วงปลายเดือนพ.ค.นี้ โดยเริ่มจากที่กรุงเทพฯ และอีก 7 จังหวัดทั่วประเทศ เช่นที่เชียงใหม่ ขอนแก่น หาดใหญ่ รวมไปถึงสมุทรสาครด้วย
บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) (AGE) ประกาศแต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KEST) และ บริษัทหลักทรัพย์ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) (CNS) เป็นแกนนำในการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน พร้อมเดินหน้าโรดโชว์ทั่วประเทศ โดยมีบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
นายพนม ควรสถาพร กรรมการผู้จัดการ AGE เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมาไทยและทั่วโลกประสบปัญหาวิกฤตพลังงาน ที่มีอย่างจำกัดและราคาสูง ทำให้การดำเนินธุรกิจต่างๆมีต้นทุนที่สูงขึ้น จึงทำให้โรงงานอุตสาหกรรมส่วนใหญ่มีแนวโน้มเปลี่ยนมาใช้พลังงานทดแทนประเภทอื่นๆมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังงานจากถ่านหินคุณภาพสูง หรือถ่านหินประเภทบิทูมินัส ซึ่งให้ค่าความร้อนสูงและที่สำคัญไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม โดย 3 ปีที่ผ่านมาการเติบโตมีสูงชึ้นต่อเนื่อง คาดปีนี้มีลูกค้าเพิ่มขึ้นอีก 400 ราย จากเดิมที่มีอยู่แล้วกว่า 200 ราย
บริษัทจึงเล็งเห็นว่าในอนาคตความต้องการถ่านหินชนิดนี้จะเพิ่มสูงขึ้น จึงตัดสินใจนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai เพื่อนำเงินทีได้จากระดมทุน มาใช้ในการปรับปรุงคลังสินค้าและโรงคัดแยกถ่านหิน รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อรองรับปริมาณยอดขายที่เพิ่มมากขึ้น
นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า บริษัทได้ทำการยื่นคำขออนุญาตและแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ให้กับประชาชนครั้งแรก (ไฟลิ่ง) ต่อทางสำนักงาน ก.ล.ต. เมื่อเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา ปัจจุบัน AGE มีทุนจดทะเบียน 140 ล้านบาท เป็นทุนชำระแล้ว 105 ล้านบาท และจะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนอีก 35 ล้านหุ้น (มูลค่าที่ตราไว้ 1 บาทต่อหุ้น) โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นจากสำนักงาน ก.ล.ต.ทั้งนี้ คาดว่าบริษัทจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ได้ไตรมาส3 นี้
ขณะที่แกนนำในการจัดจำหน่ายหุ้นทั้ง KEST และ CNS กล่าวว่าหุ้น AGE จะได้รับความสนใจจากนักลงทุน จากการที่หลายบริษัทในตลาด mai ที่มีลักษณะเดียวกันมีผลการดำเนินงานเติบโตดีต่อเนื่อง โดยบริษัทฯมีแผนที่จะนำเสนอข้อมูลของให้กับประชาชนทั่วไป ช่วงปลายเดือนพ.ค.นี้ โดยเริ่มจากที่กรุงเทพฯ และอีก 7 จังหวัดทั่วประเทศ เช่นที่เชียงใหม่ ขอนแก่น หาดใหญ่ รวมไปถึงสมุทรสาครด้วย