เอสซีจีเปเปอร์ จะทำคำเสนอซื้อหุ้น TCP จากรายย่อยในราคาหุ้นละ 16 บาท โดยกรรมการอิสระและที่ปรึกษาทางการเงินอิสระมองว่าเป็นราคาเหมาะสม ขณะที่กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่จะไม่ลดสัดส่วนการถือหุ้น และหากผู้ถือหุ้นไม่อนุมัติการเพิกถอนหุ้น บริษัทยังคงเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯต่อไป
นายโสภณ ธรรมปาโล กรรมการอิสระและประธานกรรมการตรวจสอบ บริษัท ไทยเคนเปเปอร์ จำกัด (มหาชน) แจ้งว่ามติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งพิเศษ (1/51) ซึ่งได้ประชุมเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 51 ได้มีมติเห็นชอบให้เสนอที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาเพิกถอนหุ้นของบริษัทจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลาดหลักทรัพย์)
โดยภายหลังที่บริษัทได้รับมติอนุมัติการเพิกถอนหุ้นจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทและตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว บริษัทเอสซีจี เปเปอร์ จำกัด (มหาชน) (เอสซีจีเปเปอร์) จะเป็นผู้ทำคำเสนอซื้อหุ้นของบริษัทจากผู้ถือหุ้นรายย่อย ในราคาเสนอซื้อหุ้นละ16 บาท โดยกรรมการอิสระมีความเห็นถึงการเพิกถอนหุ้นของบริษัท ดังนี้
1) เนื่องจากเอสซีจีเปเปอร์ได้เคยทำคำเสนอซื้อหุ้นของบริษัทเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 50 และตามคำเสนอซื้อหุ้นได้ระบุว่าประสงค์จะให้บริษัทเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาเพิกถอนหุ้นออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนตามความผูกพันในคำเสนอซื้อดังกล่าวที่เอสซีจีเปเปอร์ต้องดำเนินการภายใน 1 ปี นับจากวันสิ้นสุดระยะเวลาการรับซื้อตามคำเสนอซื้อหุ้นซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 29 มิถุนายน 51 ดังนั้น การขอเพิกถอนหุ้นของบริษัทในครั้งนี้จึงเป็นการดำเนินการตามที่ได้แจ้งไว้ในคำเสนอซื้อหุ้น เมื่อวันที่9 พฤษภาคม 50
2) ปัจจุบันบริษัทมีการกระจายการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย ( Non-Strategic Shareholder ) ต่ำกว่าเกณฑ์ตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่กำหนดไว้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 15 ของทุนชำระแล้วของบริษัท ทำให้บริษัทอาจขาดคุณสมบัติในการดำรงสถานะเป็นบริษัทจดทะเบียน และกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทไม่มีความประสงค์ที่จะลดสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท
3) การไม่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯทำให้บริษัทสามารถลดภาระในการเปิดเผยข้อมูลและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเป็นบริษัทจดทะเบียนลงได้ ซึ่งจะทำให้ภาระและค่าใช้จ่ายโดยรวมลดลง
ทั้งนี้ ภายหลังที่หุ้นของบริษัทพ้นสภาพจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนแล้ว ผู้ถือหุ้นที่ไม่ได้ตอบรับคำเสนอซื้อหุ้นและยังคงถือหุ้นบริษัทต่อไปจะได้รับผลกระทบ ได้แก่ ไม่มีตลาดรองในการซื้อขายหุ้น ซึ่งจะส่งผลให้หุ้นขาดสภาพคล่อง และโอกาสได้รับผลตอบแทนในรูปกำไรจากการซื้อขายหุ้นจะถูกจำกัดลง แต่ยังคงมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผล อีกทั้งผู้ถือหุ้นที่เป็นบุคคลธรรมดาจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์จากการยกเว้นภาษีที่เกิดจากกำไรจากการขายหุ้นอีกต่อไป นอกจากนี้ผู้ถือหุ้นรายย่อยอาจได้รับผลกระทบจากการไม่ได้รับข่าวสารข้อมูลที่บริษัทต้องเปิดเผยตามเกณฑ์ของการเป็นบริษัทจดทะเบียน
อย่างไรก็ตาม หากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทไม่อนุมัติการเพิกถอนหุ้น บริษัทก็ยังคงเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯต่อไป ผู้ถือหุ้นก็จะไม่ได้รับผลกระทบดังกล่าวข้างต้น และยังคงเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทที่มีฐานะการเงินที่มั่นคงบริหารงาน โดยกลุ่มธุรกิจกระดาษของเครือซิเมนต์ไทยที่มีชื่อเสียงและภาพพจน์ที่ดี ขณะที่กรรมการอิสระมีความเห็นเช่นเดียวกับที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ บริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด มองว่าการเสนอซื้อที่ราคาหุ้นละ 16 บาทนั้นเหมาะสม เป็นราคาที่สูงกว่าราคายุติธรรมตามที่ที่ปรึกษาทางการเงินได้ประเมินโดยใช้วิธีมูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดสุทธิที่มีราคาเท่ากับ 15.04 บาทต่อหุ้น และเป็นราคาที่อยู่ในช่วงกรณีการวิเคราะห์ความไว (Sensitivity Analysis) ของการประเมินด้วยวิธีนี้ ที่ช่วงราคาประเมินอยู่ระหว่าง 12.76 - 18.06 บาทต่อหุ้น ซึ่งราคาประเมินตามวิธีดังกล่าวเป็นราคาที่สะท้อนการดำเนินธุรกิจและความสามารถในการทำกำไรในอนาคต
นายโสภณ ธรรมปาโล กรรมการอิสระและประธานกรรมการตรวจสอบ บริษัท ไทยเคนเปเปอร์ จำกัด (มหาชน) แจ้งว่ามติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งพิเศษ (1/51) ซึ่งได้ประชุมเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 51 ได้มีมติเห็นชอบให้เสนอที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาเพิกถอนหุ้นของบริษัทจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลาดหลักทรัพย์)
โดยภายหลังที่บริษัทได้รับมติอนุมัติการเพิกถอนหุ้นจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทและตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว บริษัทเอสซีจี เปเปอร์ จำกัด (มหาชน) (เอสซีจีเปเปอร์) จะเป็นผู้ทำคำเสนอซื้อหุ้นของบริษัทจากผู้ถือหุ้นรายย่อย ในราคาเสนอซื้อหุ้นละ16 บาท โดยกรรมการอิสระมีความเห็นถึงการเพิกถอนหุ้นของบริษัท ดังนี้
1) เนื่องจากเอสซีจีเปเปอร์ได้เคยทำคำเสนอซื้อหุ้นของบริษัทเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 50 และตามคำเสนอซื้อหุ้นได้ระบุว่าประสงค์จะให้บริษัทเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาเพิกถอนหุ้นออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนตามความผูกพันในคำเสนอซื้อดังกล่าวที่เอสซีจีเปเปอร์ต้องดำเนินการภายใน 1 ปี นับจากวันสิ้นสุดระยะเวลาการรับซื้อตามคำเสนอซื้อหุ้นซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 29 มิถุนายน 51 ดังนั้น การขอเพิกถอนหุ้นของบริษัทในครั้งนี้จึงเป็นการดำเนินการตามที่ได้แจ้งไว้ในคำเสนอซื้อหุ้น เมื่อวันที่9 พฤษภาคม 50
2) ปัจจุบันบริษัทมีการกระจายการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อย ( Non-Strategic Shareholder ) ต่ำกว่าเกณฑ์ตามข้อบังคับตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่กำหนดไว้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 15 ของทุนชำระแล้วของบริษัท ทำให้บริษัทอาจขาดคุณสมบัติในการดำรงสถานะเป็นบริษัทจดทะเบียน และกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทไม่มีความประสงค์ที่จะลดสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท
3) การไม่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯทำให้บริษัทสามารถลดภาระในการเปิดเผยข้อมูลและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเป็นบริษัทจดทะเบียนลงได้ ซึ่งจะทำให้ภาระและค่าใช้จ่ายโดยรวมลดลง
ทั้งนี้ ภายหลังที่หุ้นของบริษัทพ้นสภาพจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนแล้ว ผู้ถือหุ้นที่ไม่ได้ตอบรับคำเสนอซื้อหุ้นและยังคงถือหุ้นบริษัทต่อไปจะได้รับผลกระทบ ได้แก่ ไม่มีตลาดรองในการซื้อขายหุ้น ซึ่งจะส่งผลให้หุ้นขาดสภาพคล่อง และโอกาสได้รับผลตอบแทนในรูปกำไรจากการซื้อขายหุ้นจะถูกจำกัดลง แต่ยังคงมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผล อีกทั้งผู้ถือหุ้นที่เป็นบุคคลธรรมดาจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์จากการยกเว้นภาษีที่เกิดจากกำไรจากการขายหุ้นอีกต่อไป นอกจากนี้ผู้ถือหุ้นรายย่อยอาจได้รับผลกระทบจากการไม่ได้รับข่าวสารข้อมูลที่บริษัทต้องเปิดเผยตามเกณฑ์ของการเป็นบริษัทจดทะเบียน
อย่างไรก็ตาม หากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทไม่อนุมัติการเพิกถอนหุ้น บริษัทก็ยังคงเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯต่อไป ผู้ถือหุ้นก็จะไม่ได้รับผลกระทบดังกล่าวข้างต้น และยังคงเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทที่มีฐานะการเงินที่มั่นคงบริหารงาน โดยกลุ่มธุรกิจกระดาษของเครือซิเมนต์ไทยที่มีชื่อเสียงและภาพพจน์ที่ดี ขณะที่กรรมการอิสระมีความเห็นเช่นเดียวกับที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ บริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด มองว่าการเสนอซื้อที่ราคาหุ้นละ 16 บาทนั้นเหมาะสม เป็นราคาที่สูงกว่าราคายุติธรรมตามที่ที่ปรึกษาทางการเงินได้ประเมินโดยใช้วิธีมูลค่าปัจจุบันของกระแสเงินสดสุทธิที่มีราคาเท่ากับ 15.04 บาทต่อหุ้น และเป็นราคาที่อยู่ในช่วงกรณีการวิเคราะห์ความไว (Sensitivity Analysis) ของการประเมินด้วยวิธีนี้ ที่ช่วงราคาประเมินอยู่ระหว่าง 12.76 - 18.06 บาทต่อหุ้น ซึ่งราคาประเมินตามวิธีดังกล่าวเป็นราคาที่สะท้อนการดำเนินธุรกิจและความสามารถในการทำกำไรในอนาคต
