PYLON ฟุ้งปีนี้รายได้โต 50 % หรือ 500-550 ล้านบาท หลัง โชว์ผลงานไตนมาสแรกโดดเด่น เพราะมีงานเข้ามาในมือมากขึ้น เผยไตรมาส 2 หากออกมาดีตามคาดพร้อมเตรียมปรับเป้ารายได้ใหม่ มั่นใจการเมืองดีขึ้นจะส่งผลดีต่อการดำเนินงานให้รับงานเข้ามาต่อเนื่อง เผยขณะนี้มีงานในมือ360 ล้านบาท และเพิ่งได้เข้ามาใหม่อีก 100 ล้านบาท ขณะที่รายได้ภาคเอกชนอาจเพิ่มเป็น 60-65 % ผลพวงจากธุรกิจอสังหาฯ ขยายตัวสูง
นายบดินทร์ แสงอารยะกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) (PYLON ) กล่าวว่าหลังจากที่เริ่มมีความชัดเจนทางด้านการเมือง งานบางส่วนที่ชะลอไว้ ก็เริ่มไหลลงสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะงานภาคเอกชน ส่งผลให้ในไตรมาสแรกบริษัทมีงานรับเหมาในมือเพิ่มขึ้น บวกกับได้พัฒนาประสิทธิภาพการทำงาน เพื่อรับการแข่งขันที่ยังมีอยู่ในตลาด รวมถึงควบคุมต้นทุนให้มประสิทธิภาพ จึงสะท้อนให้รายได้และกำไรเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น
โดยบริษัทจะติดตามการเมืองและราคาวัตถุดิบที่ผันผวนระยะนี้ ซึ่งPYLON เน้นการหางานฐานรากเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นงานต้นน้ำ ความเสี่ยงในการไม่ได้รับชำระเงินค่อนข้างต่ำ และเป็นงานระยะสั้นๆ 2-3 เดือน ทำให้ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของราคาวัตถุดิบไม่มากนัก
"การปรับตัวเชื่อว่าจะผลักดันผลงานเราปีนี้เติบโตต่อเนื่อง คาดรายได้โตไม่ต่ำกว่า 50% มาอยู่ที่ 500-550 ล้านบาท และส่วนแบ่งทางการตลาดเป้าหมายโตจาก 15% มาอยู่ที่ระดับ 20-25% ได้ ปัจจุบันเรามีรายได้จากงานภาครัฐ 44% และเอกชน 56% และอาจเห็นสัดส่วนรายได้จากเอกชนเพิ่มเป็น 60-65% จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขยายตัว" นายบดินทร์กล่าว
สำหรับทิศทางธุรกิจในไตรมาสที่ 2 ของปี แนวโน้มจะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสแรก ตามปริมาณงานที่ลงสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้นดังกล่าว เห็นได้จากปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ(Backlog) จนถึงสิ้นไตรมาส 3 มูลค่ารวมกว่า 360 ล้านบาท และเพิ่งรับเข้ามามูลค่า 100 ล้านบาท และอีกหนึ่งโครงการที่อยู่ในระหว่างรอผล ซึ่งจะช่วยดันไตรมาส 4 ให้เติบโตได้
" ปกติเราตั้งเป้าหมายสร้างรายได้ไตรมาสละ 150 ล้านบาท แต่จะขอดูผลงานไตรมาส 2 ก่อน หากออกมาดี ก็จะปรับประมาณการขึ้น ส่วน gross profit maigin ตั้งเป้าไว้ที่ 16% จากปัจจุบันที่อยู่ 14.70% ซึ่งมั่นใจว่าไตรมาส 2 จะโตไม่ต่ำกว่า 15% ได้ " นายบดินทร์ กล่าว
สำหรับครึ่งปีหลัง เชื่อว่างานภาครัฐจะทยอยไหลลงสู่ตลาดเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะงานรถไฟฟ้าสายต่างๆ ขณะที่ภาคเอกชนคาดว่าจะมีโครงการคอนโดมิเนียมผุดขึ้นมาก ผลจากราคาน้ำมันสูงขึ้น ทำให้ผู้ที่จะซื้อบ้านหันมาเลือกซื้อคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้าเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ซึ่งจะทำให้ภาพรวมธุรกิจครึ่งปีหลังยังดีต่อเนื่อง และบริษัทพร้อมเพิ่มกำลังการผลิตตามความต้องการของตลาด
สำหรับผลงานไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้ 154.21 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 10.06 ล้านบาท โดยรายได้เพิ่มขึ้น 57.05 % และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 51.35% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลจากปริมาณงานลงสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้น ทั้งงานภาครัฐและเอกชนโดยเฉพาะงานประเภทคอนโดมิเนียม ส่งผลให้รายได้และกำไรเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน
นายบดินทร์ แสงอารยะกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) (PYLON ) กล่าวว่าหลังจากที่เริ่มมีความชัดเจนทางด้านการเมือง งานบางส่วนที่ชะลอไว้ ก็เริ่มไหลลงสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะงานภาคเอกชน ส่งผลให้ในไตรมาสแรกบริษัทมีงานรับเหมาในมือเพิ่มขึ้น บวกกับได้พัฒนาประสิทธิภาพการทำงาน เพื่อรับการแข่งขันที่ยังมีอยู่ในตลาด รวมถึงควบคุมต้นทุนให้มประสิทธิภาพ จึงสะท้อนให้รายได้และกำไรเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น
โดยบริษัทจะติดตามการเมืองและราคาวัตถุดิบที่ผันผวนระยะนี้ ซึ่งPYLON เน้นการหางานฐานรากเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นงานต้นน้ำ ความเสี่ยงในการไม่ได้รับชำระเงินค่อนข้างต่ำ และเป็นงานระยะสั้นๆ 2-3 เดือน ทำให้ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของราคาวัตถุดิบไม่มากนัก
"การปรับตัวเชื่อว่าจะผลักดันผลงานเราปีนี้เติบโตต่อเนื่อง คาดรายได้โตไม่ต่ำกว่า 50% มาอยู่ที่ 500-550 ล้านบาท และส่วนแบ่งทางการตลาดเป้าหมายโตจาก 15% มาอยู่ที่ระดับ 20-25% ได้ ปัจจุบันเรามีรายได้จากงานภาครัฐ 44% และเอกชน 56% และอาจเห็นสัดส่วนรายได้จากเอกชนเพิ่มเป็น 60-65% จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขยายตัว" นายบดินทร์กล่าว
สำหรับทิศทางธุรกิจในไตรมาสที่ 2 ของปี แนวโน้มจะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสแรก ตามปริมาณงานที่ลงสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้นดังกล่าว เห็นได้จากปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ(Backlog) จนถึงสิ้นไตรมาส 3 มูลค่ารวมกว่า 360 ล้านบาท และเพิ่งรับเข้ามามูลค่า 100 ล้านบาท และอีกหนึ่งโครงการที่อยู่ในระหว่างรอผล ซึ่งจะช่วยดันไตรมาส 4 ให้เติบโตได้
" ปกติเราตั้งเป้าหมายสร้างรายได้ไตรมาสละ 150 ล้านบาท แต่จะขอดูผลงานไตรมาส 2 ก่อน หากออกมาดี ก็จะปรับประมาณการขึ้น ส่วน gross profit maigin ตั้งเป้าไว้ที่ 16% จากปัจจุบันที่อยู่ 14.70% ซึ่งมั่นใจว่าไตรมาส 2 จะโตไม่ต่ำกว่า 15% ได้ " นายบดินทร์ กล่าว
สำหรับครึ่งปีหลัง เชื่อว่างานภาครัฐจะทยอยไหลลงสู่ตลาดเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะงานรถไฟฟ้าสายต่างๆ ขณะที่ภาคเอกชนคาดว่าจะมีโครงการคอนโดมิเนียมผุดขึ้นมาก ผลจากราคาน้ำมันสูงขึ้น ทำให้ผู้ที่จะซื้อบ้านหันมาเลือกซื้อคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้าเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ซึ่งจะทำให้ภาพรวมธุรกิจครึ่งปีหลังยังดีต่อเนื่อง และบริษัทพร้อมเพิ่มกำลังการผลิตตามความต้องการของตลาด
สำหรับผลงานไตรมาสแรกปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้ 154.21 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 10.06 ล้านบาท โดยรายได้เพิ่มขึ้น 57.05 % และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 51.35% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลจากปริมาณงานลงสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้น ทั้งงานภาครัฐและเอกชนโดยเฉพาะงานประเภทคอนโดมิเนียม ส่งผลให้รายได้และกำไรเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน