IRPC ไตรมาสแรกกำไรหด 41% เหตุต้นทุนขายสูง ผลจากราคาวัตถุดิบเพิ่ม ทำให้กำไรขั้นต้นลดลง และดอกเบี้ยรับลดลง สวนทางดอกเบี้ยจ่ายที่สูงขึ้นจากการออกหุ้นกู้ระยะยาวทั้งสกุลเงินบาทและดอลลาร์สหรัฐ
นายไตรทิพย์ ศิวะกฤษณ์กุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานแผนและพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC ) แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปีนี้ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,658.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,757.63 ล้านบาท หรือกำไรสุทธิลดลง 40.96%
โดยไตรมาสนี้ บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขาย 61,257.79 ล้านบาท เปรียบเทียบกับปีก่อนที่มี 50,550.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10,707.40 ล้านบาท คิดเป็น 21 % และมีต้นทุนขายเพิ่มขึ้น 11,451.01 ล้านบาท คิดเป็น 24 % ซึ่งเป็นผลมาจากราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้นในไตรมาสปัจจุบันเมื่อเทียบกับราคาวัตถุดิบในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นในอัตราที่มากกว่าการเพิ่มขึ้นของราคาขายของสินค้า ทำให้มีกำไรขั้นต้นลดลง 743.61ล้านบาท คิดเป็น 27 % โดยบริษัทฯ มีระดับการกลั่นน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 181,535 บาร์เรลต่อวันในปีปัจจุบัน เมื่อเทียบกับที่ระดับ 186,114 บาร์เรลต่อวันในปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ยังมีดอกเบี้ยรับจากการนำเงินสดที่ได้จากการดำเนินกิจการไปลงทุนระยะสั้นในตั๋วแลกเงินระยะสั้น และเงินฝากประจำลดลงและอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ทำให้ได้รับดอกเบี้ยในไตรมาสปัจจุบันลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ถึง 141.38 ล้านบาท และมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น 294.58 ล้านบาท คิดเป็น 66% และไตรมาสแรกปี 50 บริษัทมีกำไรจากการขายเงินลงทุน วน 449.84 ล้านบาท ในขณะที่ปีนี้ไม่มีกำไรจากรายการดังกล่าว
สำหรับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารสูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อน เพราะมีขาดทุนจากการขาย และปรับมูลค่าเงินลงทุนอยู่จำนวน 366.76 ล้านบาท ในขณะที่มีค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานลดลง ส่วนดอกเบี้ยจ่ายสูงขึ้น จากการออกหุ้นกู้ทั้งเงินบาทและเงินดอลลาร์สหรัฐ และเป็นหุ้นกู้ระยาว จึงมีต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายสูงขึ้น
นายไตรทิพย์ ศิวะกฤษณ์กุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่สายงานแผนและพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC ) แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปีนี้ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 1,658.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2,757.63 ล้านบาท หรือกำไรสุทธิลดลง 40.96%
โดยไตรมาสนี้ บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขาย 61,257.79 ล้านบาท เปรียบเทียบกับปีก่อนที่มี 50,550.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10,707.40 ล้านบาท คิดเป็น 21 % และมีต้นทุนขายเพิ่มขึ้น 11,451.01 ล้านบาท คิดเป็น 24 % ซึ่งเป็นผลมาจากราคาวัตถุดิบเพิ่มขึ้นในไตรมาสปัจจุบันเมื่อเทียบกับราคาวัตถุดิบในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นในอัตราที่มากกว่าการเพิ่มขึ้นของราคาขายของสินค้า ทำให้มีกำไรขั้นต้นลดลง 743.61ล้านบาท คิดเป็น 27 % โดยบริษัทฯ มีระดับการกลั่นน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 181,535 บาร์เรลต่อวันในปีปัจจุบัน เมื่อเทียบกับที่ระดับ 186,114 บาร์เรลต่อวันในปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ยังมีดอกเบี้ยรับจากการนำเงินสดที่ได้จากการดำเนินกิจการไปลงทุนระยะสั้นในตั๋วแลกเงินระยะสั้น และเงินฝากประจำลดลงและอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ทำให้ได้รับดอกเบี้ยในไตรมาสปัจจุบันลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ถึง 141.38 ล้านบาท และมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น 294.58 ล้านบาท คิดเป็น 66% และไตรมาสแรกปี 50 บริษัทมีกำไรจากการขายเงินลงทุน วน 449.84 ล้านบาท ในขณะที่ปีนี้ไม่มีกำไรจากรายการดังกล่าว
สำหรับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารสูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อน เพราะมีขาดทุนจากการขาย และปรับมูลค่าเงินลงทุนอยู่จำนวน 366.76 ล้านบาท ในขณะที่มีค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานลดลง ส่วนดอกเบี้ยจ่ายสูงขึ้น จากการออกหุ้นกู้ทั้งเงินบาทและเงินดอลลาร์สหรัฐ และเป็นหุ้นกู้ระยาว จึงมีต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายสูงขึ้น