ผู้บริหาร ปตท.แนะให้คนไทยทำใจน้ำมันแพง พร้อมส่งสัญญาณราคาขายปลีกภายในประเทศ เบนซินมีโอกาสทะลุลิตรละ 40 บ.เพราะราคาน้ำมันตลาดโลกอาจจะสูงถึง 150-200 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ครวญปีนี้ แบกรับต้นทุนหลังแอ่นกว่า 3 หมื่นล.ทั้งราคาน้ำมันและก๊าซ เพราะราคาขายภายในประเทศต่ำกว่าความเป็นจริง
วันนี้ (8 พ.ค.) นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT กล่าวถึงสถานการณ์ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินในประเทศมีโอกาสถึง 40 บาทต่อลิตร ได้ในเร็วๆ นี้ หากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกยังปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง เพราะราคาน้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์ที่เพิ่มขึ้นทุก 5 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล จะทำให้ราคาขายปลีกในประเทศต้องปรับขึ้นอีก 1 บาท ขณะนี้ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานของโลกคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันตลาดโลกอาจจะสูงถึง 150-200 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล และมีแนวโน้มสัปดาห์นี้ราคาขายปลีกในประเทศจะปรับขึ้นอีก
หากสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกยังทรงตัวระดับสูงและไม่ปรับลดลง เพราะขณะนี้ค่าการตลาดราคาน้ำมันเบนซินและดีเซลเท่ากับ 0 จากปกติที่จะต้องอยู่ระดับลิตรละ 1 บาทเศษ โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลที่ค่าการตลาดติดลบเกือบ 1 บาท ซึ่งเท่ากับขณะนี้ผู้ค้าน้ำมันขาดทุนจากการขายปลีก ต่ำกว่าราคาหน้าโรงกลั่นประมาณ 1 บาท และ 4 เดือนแรกปีนี้ ปตท.รับภาระการตรึงราคาน้ำมันไปแล้ว 3,200 ล้านบาท คาดว่า ทั้งปีจะรับภาระประมาณ 5,000 ล้านบาท
ดังนั้น ขอให้ผู้บริโภคประหยัดการใช้น้ำมันและหันมาใช้พลังงานทดแทนโดยเฉพาะแก๊สโซฮอล์ที่ถูกกว่าเบนซิน 4 บาท แก๊สโซฮอล์อี 20 ถูกกว่าเบนซิน 6 บาท ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้ มีการเก็งกำไรในสินค้าโภคภัณฑ์ และหวั่นวิตกหากมีเหตุการณ์ภัยธรรมชาติ หรือระเบิดคลังน้ำมันที่ไนจีเรีย ก็ยิ่งจะทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตาม ปตท.ยัง มั่นใจผลดำเนินงานปีนี้จะออกมาดี
โดยในปีนี้ ปตท.มีภาระต้องแบกรับต้นทุนจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นกว่า 3 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น ภาระน้ำมัน ราว 5 พันล้านบาท ก๊าซหุงต้ม 2 หมื่นล้านบาท และก๊าซธรรมชาติ ราว 3-4 พันล้านบาท
นายประเสริฐ ยอมรับว่า แม้ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศจะมีการปรับเพิ่มขึ้น แต่เมื่อเทียบกับราคาในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นมากกว่านั้น ถือว่าราคาขายในประเทศต่ำกว่าที่ควรจะเป็น หรือคิดเป็นตัวเลขประมาณ 1 บาทต่อลิตร ดังนั้น หากสัปดาห์นี้ ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับขึ้นมากกว่า 120 เหรียญต่อบาร์เรล บริษัทจะมีการพิจารณาปรับขึ้นราคาน้ำมันในประเทศแน่นอน
นอกจากนี้ ในส่วนของราคาขายก๊าซหุงต้ม ถือว่าต่ำมาก อยู่ที่ 300 เหรียญฯต่อตัน สวนทางราคาขายในตลาดโลก อยู่ที่ 850 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน หรือ 16 บาทต่อกิโลกรัม
อย่างไรก็ตาม สำหรับความกังวลว่า พายุนาร์กีสในพม่าอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทนั้น ส่วนตัวยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อการลงทุนในพม่า การเคลื่อนย้าย หรือการส่งผ่านก๊าซ หรือท่อก๊าซแต่อย่างใด ทั้งนี้ ยังไม่มีรายงานผลกระทบเข้ามาเช่นกัน
วันนี้ (8 พ.ค.) นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT กล่าวถึงสถานการณ์ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินในประเทศมีโอกาสถึง 40 บาทต่อลิตร ได้ในเร็วๆ นี้ หากสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกยังปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง เพราะราคาน้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์ที่เพิ่มขึ้นทุก 5 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล จะทำให้ราคาขายปลีกในประเทศต้องปรับขึ้นอีก 1 บาท ขณะนี้ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานของโลกคาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันตลาดโลกอาจจะสูงถึง 150-200 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล และมีแนวโน้มสัปดาห์นี้ราคาขายปลีกในประเทศจะปรับขึ้นอีก
หากสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกยังทรงตัวระดับสูงและไม่ปรับลดลง เพราะขณะนี้ค่าการตลาดราคาน้ำมันเบนซินและดีเซลเท่ากับ 0 จากปกติที่จะต้องอยู่ระดับลิตรละ 1 บาทเศษ โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลที่ค่าการตลาดติดลบเกือบ 1 บาท ซึ่งเท่ากับขณะนี้ผู้ค้าน้ำมันขาดทุนจากการขายปลีก ต่ำกว่าราคาหน้าโรงกลั่นประมาณ 1 บาท และ 4 เดือนแรกปีนี้ ปตท.รับภาระการตรึงราคาน้ำมันไปแล้ว 3,200 ล้านบาท คาดว่า ทั้งปีจะรับภาระประมาณ 5,000 ล้านบาท
ดังนั้น ขอให้ผู้บริโภคประหยัดการใช้น้ำมันและหันมาใช้พลังงานทดแทนโดยเฉพาะแก๊สโซฮอล์ที่ถูกกว่าเบนซิน 4 บาท แก๊สโซฮอล์อี 20 ถูกกว่าเบนซิน 6 บาท ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้ มีการเก็งกำไรในสินค้าโภคภัณฑ์ และหวั่นวิตกหากมีเหตุการณ์ภัยธรรมชาติ หรือระเบิดคลังน้ำมันที่ไนจีเรีย ก็ยิ่งจะทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตาม ปตท.ยัง มั่นใจผลดำเนินงานปีนี้จะออกมาดี
โดยในปีนี้ ปตท.มีภาระต้องแบกรับต้นทุนจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นกว่า 3 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น ภาระน้ำมัน ราว 5 พันล้านบาท ก๊าซหุงต้ม 2 หมื่นล้านบาท และก๊าซธรรมชาติ ราว 3-4 พันล้านบาท
นายประเสริฐ ยอมรับว่า แม้ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศจะมีการปรับเพิ่มขึ้น แต่เมื่อเทียบกับราคาในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นมากกว่านั้น ถือว่าราคาขายในประเทศต่ำกว่าที่ควรจะเป็น หรือคิดเป็นตัวเลขประมาณ 1 บาทต่อลิตร ดังนั้น หากสัปดาห์นี้ ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับขึ้นมากกว่า 120 เหรียญต่อบาร์เรล บริษัทจะมีการพิจารณาปรับขึ้นราคาน้ำมันในประเทศแน่นอน
นอกจากนี้ ในส่วนของราคาขายก๊าซหุงต้ม ถือว่าต่ำมาก อยู่ที่ 300 เหรียญฯต่อตัน สวนทางราคาขายในตลาดโลก อยู่ที่ 850 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน หรือ 16 บาทต่อกิโลกรัม
อย่างไรก็ตาม สำหรับความกังวลว่า พายุนาร์กีสในพม่าอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทนั้น ส่วนตัวยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อการลงทุนในพม่า การเคลื่อนย้าย หรือการส่งผ่านก๊าซ หรือท่อก๊าซแต่อย่างใด ทั้งนี้ ยังไม่มีรายงานผลกระทบเข้ามาเช่นกัน
