ลูกบ้านโครงการสีวลี สุวรรณภูมิ บุกตึกคิวเฮ้าส์ ยื่นหนังสือถึงผู้บริหารแลนด์ฯ รับผิดชอบกรณีขายบ้าน ทั้งที่มีโรงงานเหล็กส่งกลิ่นเหม็น แถมยังเดินหน้าขายต่อเนื่อง ยื่นคำขาดอีก 15 วันต้องได้รับคำตอบ ด้านผู้บริหารแลนด์ฯยันไม่ผิด โบ้ยโรงงานปล่อยกลิ่นรบกวนเอง ยื่นยันที่ผ่านมาช่วยตลอดแต่ไม่มีอำนาจ เร่งศาลให้สรุปคดี
กรณีที่ลูกบ้านโครงการสีวลี สุวรรณภูมิ หรือย่านบางพลีใหญ่ ของบริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ได้รับผลกระทบเรื่องกลิ่นเหม็นจากโรงงานผลิตเหล็กหล่อสามมิตร เมตัลเวิร์ค จำกัด ของนางกาญจนา หรูเจริญพรพานิช ที่อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 400 เมตร ตามที่หนังสือพิมพ์ "ผู้จัดการรายวัน" ได้นำเสนอ
ล่าสุดวานนี้(7 พ.ค.) ผู้อยู่อาศัยเกือบ 100 ราย ยืนประท้วงหน้าอาคารคิวเฮ้าส์ ลุมพินี ซึ่งที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เรียกร้องให้ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทฯ ลงมารับหนังสือเปิดผนึกยื่นคำขาดให้จัดการเรื่องกลิ่นเหม็นให้หมดไปและในอีก 15 วันหรือวันที่ 21 พ.ค.51จะมาฟังคำตอบอีกครั้ง
นายนิรันด์ พรวัชระกุล เจ้าของบ้านเลขที่ 199/120 ลูกบ้านโครงการสีวลี ที่ได้รับความเดือนร้อน กล่าวว่า ที่ผู้บริหารออกมาระบุว่าโรงงานส่งกลิ่นเหม็นหลังเปิดขายได้ 1 ปีนั้น ไม่เป็นความจริง ตนเป็นลูกบ้านรายแรกหรือกลุ่มแรกๆที่เข้าไปอยู่อาศัยในโครงการดังกล่าว เมื่อกลางเดือนธันวาคม 2549 ก็ได้รับกลิ่นเหม็นจากโรงงานแล้ว ซึ่งขณะที่ซื้อเข้าไปดูโครงการในช่วงกลางวัน แต่โรงงานเหล็กจะเริ่มเดินเครื่องผลิตในตอนกลางคืน อีกทั้งกลิ่นที่เกิดขึ้นจะหายไปประมาณ 3 เดือนใน 1 ปี เนื่องจากลมเปลี่ยนทิศ
"แลนด์ฯ บอกว่าตอนนี้เรื่องอยู่ในชั้นศาลใกล้จบแล้ว แต่ทุกคนรู้ว่าว่าในวันที่ 12 พ.ค.นี้ ศาลแค่นัดสืบพยานฝ่ายโจทย์เท่านั้น เรื่องอีกยาว แต่เราทนดมกลิ่นเหม็นมา 23 ปีแล้ว เราต้องเสียเงินซื้อบ้านเกือบ 10 ล้านบาท บางคนตกแต่งอย่างสวยงาม ส่วนใหญ่อยากอยู่ต่อ และที่ซื้อเพราะเชื่อมั่นในความเป็นบริษัทใหญ่ แต่ตอนนี้ผิดหวังมากๆ"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ลูกบ้านกว่า 100 รายได้นำหนังสือและรายเซ็นของลูกบ้านที่ได้รับความเดือนร้อนถึง 320 ราย เพื่อให้ผู้บริหารที่ด้านหน้าอาคารคิวเฮ้าส์ ลุมพินีเมื่อเวลา 9.40 น. ซึ่งแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ได้มอบหมายให้นายเฉลิม เกียรติธนะบำรุง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลเรื่องราวร้องเรียนต่างๆ แต่ลูกบ้านเห็นว่าไม่ใช่ผู้บริหารระดับสูง จึงไม่ยอมยื่นหนังสือให้ และยื่นคำขาดที่จะขอพบนายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการ หรือผู้บริหาร 3 อันดับแรกเท่านั้น จนกระทั้งนายนพร สุนทรจิตต์เจริญ กรรมการรองกรรมการผู้จัดการบริษัทแลนด์ฯ ลงมารับหนังสือด้วยตนเองในเวลา 12.00 น. ลูกบ้านจึงยอมยื่นหนังสือให้แลเดินทางกลับ
ด้านนายเฉลิม กล่าวว่า ตนก็ถือว่าเป็นผู้บริหารระดับ แต่ทำไม่ลูกบ้านไม่ยอมส่งหนังสือให้ เพราะหากทุกคนต้องการให้ช่วยเรื่องกลิ่นก็ไม่น่าจะมีปัญหา และที่ผ่านมาบริษัทแลนด์ฯร่วมช่วยเหลือมาตลอด แต่จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้รายได้ของโครงการนี้หายไปเดือนละ 80 ล้านบาท
กรณีที่ลูกบ้านโครงการสีวลี สุวรรณภูมิ หรือย่านบางพลีใหญ่ ของบริษัทแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ได้รับผลกระทบเรื่องกลิ่นเหม็นจากโรงงานผลิตเหล็กหล่อสามมิตร เมตัลเวิร์ค จำกัด ของนางกาญจนา หรูเจริญพรพานิช ที่อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 400 เมตร ตามที่หนังสือพิมพ์ "ผู้จัดการรายวัน" ได้นำเสนอ
ล่าสุดวานนี้(7 พ.ค.) ผู้อยู่อาศัยเกือบ 100 ราย ยืนประท้วงหน้าอาคารคิวเฮ้าส์ ลุมพินี ซึ่งที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เรียกร้องให้ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทฯ ลงมารับหนังสือเปิดผนึกยื่นคำขาดให้จัดการเรื่องกลิ่นเหม็นให้หมดไปและในอีก 15 วันหรือวันที่ 21 พ.ค.51จะมาฟังคำตอบอีกครั้ง
นายนิรันด์ พรวัชระกุล เจ้าของบ้านเลขที่ 199/120 ลูกบ้านโครงการสีวลี ที่ได้รับความเดือนร้อน กล่าวว่า ที่ผู้บริหารออกมาระบุว่าโรงงานส่งกลิ่นเหม็นหลังเปิดขายได้ 1 ปีนั้น ไม่เป็นความจริง ตนเป็นลูกบ้านรายแรกหรือกลุ่มแรกๆที่เข้าไปอยู่อาศัยในโครงการดังกล่าว เมื่อกลางเดือนธันวาคม 2549 ก็ได้รับกลิ่นเหม็นจากโรงงานแล้ว ซึ่งขณะที่ซื้อเข้าไปดูโครงการในช่วงกลางวัน แต่โรงงานเหล็กจะเริ่มเดินเครื่องผลิตในตอนกลางคืน อีกทั้งกลิ่นที่เกิดขึ้นจะหายไปประมาณ 3 เดือนใน 1 ปี เนื่องจากลมเปลี่ยนทิศ
"แลนด์ฯ บอกว่าตอนนี้เรื่องอยู่ในชั้นศาลใกล้จบแล้ว แต่ทุกคนรู้ว่าว่าในวันที่ 12 พ.ค.นี้ ศาลแค่นัดสืบพยานฝ่ายโจทย์เท่านั้น เรื่องอีกยาว แต่เราทนดมกลิ่นเหม็นมา 23 ปีแล้ว เราต้องเสียเงินซื้อบ้านเกือบ 10 ล้านบาท บางคนตกแต่งอย่างสวยงาม ส่วนใหญ่อยากอยู่ต่อ และที่ซื้อเพราะเชื่อมั่นในความเป็นบริษัทใหญ่ แต่ตอนนี้ผิดหวังมากๆ"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ลูกบ้านกว่า 100 รายได้นำหนังสือและรายเซ็นของลูกบ้านที่ได้รับความเดือนร้อนถึง 320 ราย เพื่อให้ผู้บริหารที่ด้านหน้าอาคารคิวเฮ้าส์ ลุมพินีเมื่อเวลา 9.40 น. ซึ่งแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ได้มอบหมายให้นายเฉลิม เกียรติธนะบำรุง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลเรื่องราวร้องเรียนต่างๆ แต่ลูกบ้านเห็นว่าไม่ใช่ผู้บริหารระดับสูง จึงไม่ยอมยื่นหนังสือให้ และยื่นคำขาดที่จะขอพบนายอนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการ หรือผู้บริหาร 3 อันดับแรกเท่านั้น จนกระทั้งนายนพร สุนทรจิตต์เจริญ กรรมการรองกรรมการผู้จัดการบริษัทแลนด์ฯ ลงมารับหนังสือด้วยตนเองในเวลา 12.00 น. ลูกบ้านจึงยอมยื่นหนังสือให้แลเดินทางกลับ
ด้านนายเฉลิม กล่าวว่า ตนก็ถือว่าเป็นผู้บริหารระดับ แต่ทำไม่ลูกบ้านไม่ยอมส่งหนังสือให้ เพราะหากทุกคนต้องการให้ช่วยเรื่องกลิ่นก็ไม่น่าจะมีปัญหา และที่ผ่านมาบริษัทแลนด์ฯร่วมช่วยเหลือมาตลอด แต่จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้รายได้ของโครงการนี้หายไปเดือนละ 80 ล้านบาท