xs
xsm
sm
md
lg

KTB ขายทรัพย์ แข่งตัดราคา 50% ปล่อยกู้เกินร้อย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ธนาคารกรุงไทยขน NPA กว่าพันรายการไปขายในงาน Money Expo 2008 ช่วงนาทีทองลดราคาลงเหลือ 50% พร้อมให้สินเชื่อวงเงิน 110% อัตราดอกเบี้ยปีแรก 0% ลูกค้าเสียค่าโอนกรรมสิทธิ์ขั้นต่ำเพียง 0.005% คาดขายได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ด้านบสก.ลุยรับซื้อหนี้NPA-NPLจากแบงก์พาณิชย์ คาดปีนี้แบงก์เทขายมากกว่าปีก่อน หลังไตรมาสแรกแนวโน้ม NPLเริ่มเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ผลประกอบการดูดีขึ้น

นายสายัณห์ สตางค์มงคล รองกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารสายงาน สายงานบริหารทรัพย์สินและงานกฎหมาย ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB เปิดเผยว่า ธนาคารจะนำทรัพย์สินรอการขาย(NPA) ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวนเกือบ 1,400 รายการ มูลค่ากว่า 1,900 ล้านบาทไปจำหน่ายในราคาส่วนลด 40%ในงาน Money Expo 2008 ครั้งที่ 8 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ระหว่างวันที่ 8-11 พฤษภาคมนี้ และช่วงนาทีทองธนาคารจะลดราคา NPA ลงเหลือ 50%

“ทรัพย์สินที่นำออกขายช่วงนาทีทองมี 7 รายการ โดยจะจำหน่ายวันละ 2 รอบๆ ละ 1 รายการ ในเวลา 11.00 น.และ 15.00 น. ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ธนาคารนำทรัพย์ที่มีคุณภาพมาให้ส่วนลดถึง 50%ผู้สนใจเพียงวางเงินประกันการซื้อทรัพย์สินขั้นต่ำ 10,000 บาท และหากมีผู้ซื้อทรัพย์สินรายการเดียวกันมากกว่า 1 ราย จะใช้วิธีแข่งขันราคาและประกาศผลภายในวันเดียวกัน”

นอกจากนี้ ธนาคารยังให้สินเชื่อกับผู้ซื้อ NPA โดยให้กู้เพื่อซื้อบ้านและปรับปรุงซ่อมแซมถึง110% คิดอัตราดอกเบี้ยปีแรก 0%หลังจากนั้นคิด MLR-0.25% ปัจจุบัน MLR เท่ากับ 6.875% ต่อปี ยกเว้นค่าธรรมเนียมการประเมินราคาหลักทรัพย์ ลูกค้าเพียงเสียค่าโอนกรรมสิทธิ์ขั้นต่ำ 0.005% และมีของที่ระลึกมอบให้กับผู้ซื้อ NPA ทุกรายด้วย

จากมาตรการลดภาษีการโอน เพื่อกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล ทำให้มั่นใจว่าธนาคารจะสามารถขาย NPA ได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาททั้งนี้ ในไตรมาสที่ผ่านมา ธนาคารสามารถขาย NPA ได้ประมาณ 3,000 ล้านบาท ทั้งนี้หลังจบงาน Money Expo 2008 ธนาคารจะจัดงาน KTB NPA Condo Saleเพื่อจำหน่ายทรัพย์สินทั่วประเทศและร่วมงานมหกรรมบ้านธนาคาร ครั้งที่3

** บสก.ลุยซื้อ NPA-NPL **

นายบรรยง วิเศษมงคลชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด(บสก.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันบสก.มีจำนวนสินทรัพย์รอการขาย (เอ็นพีเอ) อยู่ทั้งสิ้นประมาณ 40,000 ล้านบาท โดยคาดว่าในช่วงเวลา 2-3 ปีจากนี้ขนาดของสินทรัพย์ดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท จากการรับซื้อเอ็นพีเอจากธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ ซึ่ง บสก.มีความพร้อมในการรับซื้อดังกล่าว

ทั้งนี้ บสก.ยังตั้งเป้ารับซื้อหนี้ด้อยคุณภาพ (เอ็นพีแอล) จากธนาคารพาณิชย์ และธนาคารของรัฐ โดยในปีนี้ตั้งเป้าหมายในการรับซื้อเอ็นพีแอลรวมทั้งสิ้นประมาณ 50,000 ล้านบาท อีกทั้งคาดว่าภายในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมนี้ บสก.จะสามารถเจรจาซื้อเอ็นพีแอลธนาคารไทยธนาคาร จำกัด(มหาชน) หรือBT ได้สำเร็จ ซึ่งมูลค่าทรัพย์ที่เตรียมซื้อจาก BT มีมูลค่าประมาณ 35,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในปีนี้ธนาคารพาณิชย์จะมีการเทขายเอ็นพีแอลและเอ็นพีเอออกมามากว่าปีที่แล้วอย่างแน่นอน เนื่องจากในช่วงไตรมาส1ที่ผ่านมาธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่มีตัวเลขเอ็นพีแอลปรับตัวเพิ่มขึ้น จึงจำเป็นที่จะต้องตัดขายทั้งเอ็นพีแอลและเอ็นพีเอออกมาเพื่อให้ตัวเลขผลประกอบการดีขึ้น และเป็นการช่วยลดเงินกองทุน

สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงระหว่างเดือนมกราคม 2551 ถึงปัจจุบัน บสก.มีรายได้จากการขายทรัพย์ทั้งในส่วนของเอ็นพีแอลและเอ็นพีเอรวมทั้งสิ้น 3,200 ล้านบาท หรือคิดเป็น 80%ของเป้า 4เดือน ที่ตั้งเอาไว้ ซึ่งในปีนี้คาดว่าแนวโน้มผลประกอบการในปี 2551นี้ จะสามารถทำได้ใกล้เคียงกับผลประกอบการเมื่อปี 2550

โดยในปีนี้บสก.เตรียมที่จะจ่ายเงินปันผลจากกำไรที่ได้จากการดำเนินงานเมื่อปี 2550 ให้กับกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน จำนวน 980 ล้านบาท หรือคิดเป็น 50% จากผลกำไรทั้งหมด ซึ่งในปีที่แล้ว บสก.มีกำไรหลังจากการตั้งสำรองตามกฎหมาย 5% รวมทั้งสิ้น 1,959 ล้านบาท โดยจะแบ่งจ่ายให้กองทุนฟื้นฟูฯ 3 งวด คือ งวดที่1 เดือนพฤษภาคม งวดที่2 เดือนสิงหาคม และงวดที่3 เดือนพฤศจิกายน

นายบรรยงกล่าวว่า ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2551 นี้ บสก.เตรียมที่จะเข้าไปเสนอแผนการดำเนินธุรกิจในระยะเวลา 5ปีข้างหน้าของบสก.ให้กับนางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ได้รับทราบ
กำลังโหลดความคิดเห็น