การบินไทย ขึ้นค่าน้ำมันตั๋วในประเทศ 100 บาท เส้นต่างประเทศปรับ 28% โดยมีผล 28 เม.ย. ระบุ ไตรมาสแรก แบกค่าน้ำมันเพิ่ม 6,000 ล้านบาท
เรืออากาศโทอภินันทน์ สุมนะเศรณี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น จากราคา 280-300 เซ็นต์/แกลลอน หรือคิดเป็น 30-35% ของต้นทุนการทำการบิน ซึ่งส่งผลกระทบต่อกำไรของการบินไทยที่อาจจะลดลง แต่จะไม่กระทบต่อผลประกอบการทั้งปีของบริษัท เพราะอัตราบรรจุผู้โดยสารแต่ละเส้นทางยังเป็นไปตามเป้าหมายที่ 80% ดังนั้น จากสถานการณ์ดังกล่าวการบินไทยจึงมีความจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาค่าธรรมเนียมน้ำมันในทุกเส้นทางบินทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยในประเทศจะปรับขึ้นเส้นทางละ 100 บาท จากเดิม 650 บาท เป็น 750 บาท ยกเว้นเส้นทางเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน ที่เก็บอยู่ในอัตราปัจจุบันเพียง 300 บาทเท่านั้น ส่วนเส้นทางบินในต่างประเทศจะเก็บค่าธรรมเนียมน้ำมันเพิ่มทุกเส้นทางบินเฉลี่ย 20% ของราคาเดิมที่เคยจัดเก็บ โดยจะมีผลในวันที่ 28 เมษายนนี้
สำหรับการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมน้ำมันครั้งนี้ถือว่าเป็นการปรับขึ้นเพื่อชดเชยราคาน้ำมันที่สูงขึ้นและจะช่วยชดเชยต้นทุนราคาน้ำมันได้ 50% ของราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ส่วนการปรับขึ้นราคาค่าตั๋วโดยสารนั้นจะมีการปรับขึ้นอีกครั้งในช่วงเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นการปรับขึ้นตามตารางการบิน อย่างไรก็ตาม อาจมีการปรับขึ้นราคาค่าตั๋วโดยสารเป็นกรณีพิเศษ หากพบว่าในอนาคตราคาน้ำมันในตลาดโลกยังเพิ่มขึ้นไม่หยุด แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะปรับขึ้นไปในอัตราเท่าใด
เรืออากาศโทอภินันทน์ กล่าวอีกว่า ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่สูงขึ้นนอกจากจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการบินของการบินไทยแล้ว ยังส่งผลให้การบินไทยต้องปรับแผนวิสาหกิจ 10 ปีที่เคยมีการดำเนินการไว้ก่อนหน้านี้ เพราะราคาน้ำมันถือเป็นต้นทุนที่สำคัญของการประกอบธุรกิจ และเมื่อสถานการณ์ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นจึงต้องมีการปรับแผนใหม่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน รวมถึงการจัดซื้อเครื่องบิน 65 ลำนั้นอาจมีการเปลี่ยนแปลงจำนวนที่จะจัดซื้อ โดยอาจลดลงจาก 65 ลำ แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าจะลดลงเท่าใด
“ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นส่งผลให้การบินไทยต้องเปลี่ยนสมมุติฐานและการประมาณการตามแผนวิสาหกิจเดิม เพราะเดิมราคาน้ำมันที่ไม่เป็นภาระของบริษัทจะอยู่ที่ 220 เซ็นต์/แกลลอน หรือคิดเป็นต้นทุนการบินเพียง 20% เท่านั้น แต่ปัจจุบันราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นกลายเป็นต้นทุนการประกอบธุรกิจถึง 30-35%”
เรืออากาศโทอภินันทน์ สุมนะเศรณี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น จากราคา 280-300 เซ็นต์/แกลลอน หรือคิดเป็น 30-35% ของต้นทุนการทำการบิน ซึ่งส่งผลกระทบต่อกำไรของการบินไทยที่อาจจะลดลง แต่จะไม่กระทบต่อผลประกอบการทั้งปีของบริษัท เพราะอัตราบรรจุผู้โดยสารแต่ละเส้นทางยังเป็นไปตามเป้าหมายที่ 80% ดังนั้น จากสถานการณ์ดังกล่าวการบินไทยจึงมีความจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาค่าธรรมเนียมน้ำมันในทุกเส้นทางบินทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยในประเทศจะปรับขึ้นเส้นทางละ 100 บาท จากเดิม 650 บาท เป็น 750 บาท ยกเว้นเส้นทางเชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน ที่เก็บอยู่ในอัตราปัจจุบันเพียง 300 บาทเท่านั้น ส่วนเส้นทางบินในต่างประเทศจะเก็บค่าธรรมเนียมน้ำมันเพิ่มทุกเส้นทางบินเฉลี่ย 20% ของราคาเดิมที่เคยจัดเก็บ โดยจะมีผลในวันที่ 28 เมษายนนี้
สำหรับการปรับขึ้นค่าธรรมเนียมน้ำมันครั้งนี้ถือว่าเป็นการปรับขึ้นเพื่อชดเชยราคาน้ำมันที่สูงขึ้นและจะช่วยชดเชยต้นทุนราคาน้ำมันได้ 50% ของราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ส่วนการปรับขึ้นราคาค่าตั๋วโดยสารนั้นจะมีการปรับขึ้นอีกครั้งในช่วงเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นการปรับขึ้นตามตารางการบิน อย่างไรก็ตาม อาจมีการปรับขึ้นราคาค่าตั๋วโดยสารเป็นกรณีพิเศษ หากพบว่าในอนาคตราคาน้ำมันในตลาดโลกยังเพิ่มขึ้นไม่หยุด แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะปรับขึ้นไปในอัตราเท่าใด
เรืออากาศโทอภินันทน์ กล่าวอีกว่า ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่สูงขึ้นนอกจากจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนการบินของการบินไทยแล้ว ยังส่งผลให้การบินไทยต้องปรับแผนวิสาหกิจ 10 ปีที่เคยมีการดำเนินการไว้ก่อนหน้านี้ เพราะราคาน้ำมันถือเป็นต้นทุนที่สำคัญของการประกอบธุรกิจ และเมื่อสถานการณ์ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นจึงต้องมีการปรับแผนใหม่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน รวมถึงการจัดซื้อเครื่องบิน 65 ลำนั้นอาจมีการเปลี่ยนแปลงจำนวนที่จะจัดซื้อ โดยอาจลดลงจาก 65 ลำ แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าจะลดลงเท่าใด
“ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นส่งผลให้การบินไทยต้องเปลี่ยนสมมุติฐานและการประมาณการตามแผนวิสาหกิจเดิม เพราะเดิมราคาน้ำมันที่ไม่เป็นภาระของบริษัทจะอยู่ที่ 220 เซ็นต์/แกลลอน หรือคิดเป็นต้นทุนการบินเพียง 20% เท่านั้น แต่ปัจจุบันราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นกลายเป็นต้นทุนการประกอบธุรกิจถึง 30-35%”