xs
xsm
sm
md
lg

ททท.โด๊ปยาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว อัดฉีดเงิน-กิจกรรม สู้วิกฤตปัจจัยลบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พรศิริ มโนหาญ
เข้าไตรมาส 2 ซึ่งถือเป็นช่วง ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ต้องทำงานหนักขึ้น เพราะเป็นการย่างเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่น ของนักท่องเที่ยวจากตลาดต่างประเทศ ขณะเดียวกันตลาดคนไทย ยังต้องเจอกับอุปสรรคของสภาพเศรษฐกิจที่ค่าครองชีพถีบตัวสูงขึ้นเป็นรายวัน โดยเฉพาะการปรับขึ้นของสินค้ายังชีพที่สำคัญ เช่น ข้าว เนื้อหมู ยังไม่นับรวมถึงการปรับขึ้นราคาน้ำมันเชื้อเพลิง
ส่วนตลาดระดับกลางถึงบน โจทย์ใหญ่ ที่ ททท.ต้องตีให้แตก คือ การไหลออกนอกประเทศของนักท่องเที่ยวคนไทย อันเนื่องมาจาก ค่าเงินบาทที่แข็งค่า ทำให้ การเดินทางไปต่างประเทศได้ง่ายขึ้น แถมยังได้ชอบปิ้งสินค้าในราคาที่ไม่แพง ส่งผลให้ตลาดท่องเที่ยวภายในประเทศไตรมาสแรกที่ผ่านมาเติบโตไม่ถึง 1%

***ลุ้นของบกระตุ้นฉุกเฉิน***

ในด้านนโยบาย ที่นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกรระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ได้ประกาศให้ปีนี้เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวไทย พร้อมเตรียมของบฉุกเฉินกว่า 3 พันล้านบาท เพื่อมาใช้ในการปัดกวาดบ้าน เตรียมพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว เพิ่มความถี่ของการโฆษณาประชาสัมพันธ์ และ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ให้สมกับเป็นปีแห่งการท่องเที่ยวไทย ก็ดูเหมือนยังต้องลุ้นกันต่อไปว่า จะได้หรือไม่!!! เพราะภาครัฐโดยสำนักงบประมาณเองก็ไม่ค่อยจะมีเงิน ปัญหาปากท้องชาวบ้านก็สำคัญ คณะรัฐมนตรีถึงกับต้องให้ทุกหน่วยงาน ไปเกลี่ยงบประมาณประจำปี 2551 ที่ได้จัดสรรไปให้แล้วนั้นดูแลใช้ให้เพียงพอไปก่อน

โดยการประชุมบอร์ด ททท. ที่ผ่านมา ถึงกับต้องไฟเขียวให้ฟื้นโครงการเดิมๆ อย่างวันธรรมดาน่าเที่ยว มาเพื่อกระตุ้นให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวให้มากขึ้น โดยนายวันชัย ศารทูลทัต ประธานคณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(บอร์ดททท.) กล่าวว่า ต้องทำงานให้สอดคล้องกับนโยบายของ รมว.กระทรวงการท่องเที่ยว ที่ต้องการให้โบนัสแก่คนไทยทุกชนชั้นได้เที่ยวอย่างมีความสุข ตามแผนกระตุ้นนักท่องเที่ยว 12 กลุ่มเป้าหมาย เช่น คนท้อง คนชรา เที่ยวกับสัตว์เลี้ยง เที่ยวแบบถูกๆ หรือเที่ยวผจญภัยเป็นต้น

ดังนั้นสิ่งที่จะกระตุ้นให้การท่องเที่ยวภายในประเทศเติบโตได้ คือการกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวในวันธรรมดา เพราะส่วนใหญ่จะนิยมเที่ยวกันในวันหยุด ตรงนี้จะช่วยเพิ่มวันพัก และ เพิ่มรายได้ให้ก่ผู้ประกอบการ ส่วนผู้บริโภค ก็ได้เที่ยวในราคาที่ไม่แพง โดยยังคาดหวังว่า เมื่อ ททท.เร่งการทำงานอย่างจริงจัง จะช่วยให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวตลาดในประเทศเข้าเป้าหมายตามที่ตั้งไว้คือ 83 ล้านคนครั้ง เกิดรายได้หมุนเวียนสู่ท้องถิ่นกว่า 4.2 แสนล้านบาท

***อัด 10 ลบ.ฟื้นตลาดในประเทศ**

ทางด้านนายวันเสด็จ ถาวรสุข รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท. กล่าวว่า ช่วงครึ่งปีหลังนี้ ททท.จะใช้งบประมาณ 10 ล้านบาท ในการดำเนินกิจกรรม และ โฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อให้คนไทยได้เดินทางท่องเที่ยวมากขึ้น โดยจัดทำโครงการเดินสายโรดโชว์ และ จัดงานคอนซูเมอร์แฟร์ ในแต่ละภูมิภาค เริ่มตั้งแต่เดินมิถุนายกศกนี้เป็นต้นไป จุดประสงค์ เพื่อต้องการกระตุ้นให้คนไทยได้เดินทางเที่ยวในประเทศในเส้นทางระหว่างภูมิภาคกันมากขึ้น หรือเรียกว่าเป็นการเดินทางในระยะไกลขึ้น จากที่ผ่านมาตลาดคนไทยนิยมเดินทางในเส้นทางระยะใกล้ ภายในภูมิภาคเดียวกัน

โดยการทำงานจะร่วมมือกับภาคเอกชน และสมาคมด้านการท่องเที่ยวในประเทศ จัดเป็นแพกเกจทัวร์ไปนำเสนอขายสินค้าทางการท่องเที่ยว ทั้งนี้เพราะเห็นว่า เหตุการณ์บ้านเมืองปัจจุบันนี้สงบดีแล้ว บรรยากาศการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยก็จะกลับคืนมา และเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ ททท.จึงจัดโครงการ “เส้นทางออมบุญ” โดยให้คนไทยได้ท่องเที่ยวเพื่อความสบายใจ ใช้ศาสนาเป็นที่พึ่ง ซึ่ง ตลาดนี้มีจำนวนนักท่องเที่ยวเติบโตอย่างต่อเนื่อง หรือเรียกว่ากลยุทธ์ศรัทธา มาร์เก็ตติ้ง

***บาทแข็งคนไทยแห่เที่ยวนอก**

อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนในธุรกิจการบิน นายทัศพล แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า สถานการณ์ท่องเที่ยวของคนไทย ปีนี้ นิยมเที่ยวต่างประเทศกันมากขึ้น โยเฉพาะ ประเทศใกล้ๆ อย่าง มาเก๊า จีน และ เวียดนาม เนื่องจากค่าเงินบาทที่แข็งขึ้น การเปิดเส้นทางบินใหม่ๆของสายการบินโลว์คอสต์ ทำให้ สามารถเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศได้ในราคาที่ไม่แพง เห็นได้จาก เทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ยอดจองตั๋วโดยสารไปมาเก๊าของสายการบินไทยแอร์เอเชีย เต็มเกือบหมดแล้ว ขณะนี้ เส้นทางเชียงใหม่ ยังมีที่ว่างอีกจำนวนมาก

***อัดโฆษณาประชาสัมพันธ์**

สำหรับตลาดต่างประเทศ นางพรศิริ มโนหาญ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) กล่าวว่า ไม่หนักใจ เพราะมองว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติ มีความสนใจที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยมากเพียงพอ จากชื่อเสียงด้านความสวยงาม และ ความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยว ตลอดจนน้ำใจไมตรีของคนไทย ที่ไม่ใครลอกเลียนแบบได้ เพียงแต่ เราจะต้องนำเสนอสินค้าให้ทุกตลาดและถูกเวลา

โดยช่วงโลว์ซีซั่น จะเป็นตลาดในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ โดย ททท. จะเพิ่มความถี่การออกงานโรดโชว์ การจัดแฟมทริป เชิญสื่อมวลชน และ บริษัทนำเที่ยว เข้ามาสำรวจแหล่งท่องเที่ยว พร้อมกับการจัดทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อในรูปแบบต่างๆ อาทิ ป้ายบิลบอร์ด สื่อสิ่งพิมพ์ โทรทัศน์ สร้างการรับรู้แบรนด์ประเทศไทย ล่าสุด อยู่ระหว่าง เจรจากับสถานีโทรทัศน์ อัลจาซีรา ประเทศการ์ต้า ซึ่งมีฐานผู้ชมในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางกว่า 10 ล้านครัวเรือน โดย ททท. มีนโยบายว่า จะทำตลาดแบบเจาะตรงถึงกลุ่มเป้าหมาย นำเสนอสินค้าทางการท่องเที่ยวที่เขาต้องการ และการหาพันธมิตรในการทำงาน เพื่อประหยัดงบประมาณ แต่ได้ผลดีขึ้น

นอกจากนั้นประเทศระยะใกล้ เดินทางไม่เกิน 6 ชั่วโมง ยังเป็นตลาด สำคัญ ที่ ททท.จะเร่งโปรโมต เช่น จีน อินเดีย ประเทศในกลุ่มเซาท์อีสเอเชีย และตะวันออกกลาง จุดประสงค์ เพื่อให้นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ เพิ่มความถี่ในการเข้ามาเที่ยวประเทศไทยมากกว่าปีละ 1 ครั้ง หรือให้พักนานวันขึ้น จับจ่ายสินค้าและบริการระหว่างเข้ามาท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น เช่น กอล์ฟ สปา ชอปปิ้ง โปรแกรมรักษาพยาบาล พักฟื้น และ ตรวจสุขภาพ เพื่อสอดคล้องกับนโยบาย ที่เพิ่มสัดส่วนตลาดระดับบน

อย่างไรก็ตาม การเร่งโปรโมตประเทศไทย ก็เหมือนดาบสองคน ที่ ททท.และประเทศไทยต้องยอมรับสภาพ เพราะ สมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ ได้ออกมาพูดแล้วว่า ผลของการโปรโมตภูเก็ต ทำให้มีกลุ่มนักท่องเที่ยว ที่เดินทางโดยชาร์เตอร์ไฟล์ท หรือเที่ยวบินเช่าเหมาลำ เข้ามามากขึ้น ซึ่ง 70% เป็นนักท่องเที่ยวระดับกลาง-ล่าง นอกจากนั้น ความสะดวกด้านระบบคมนาคม ส่งผลให้ประเทศไทย กลายเป็นเกทเวย์ ถึงตอนนี้ คงต้องบอกว่า ควรที่จะหาวิธีป้องการความเสื่อมโทรมของแหล่งท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้น และหาวิธีให้นักท่องเที่ยว หยุดพักที่ประเทศไทยนานวันขึ้น ด้วยการนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย



กำลังโหลดความคิดเห็น