ธ.ไทยพาณิชย์ ปิดงบไตรมาสแรก กำไรสุทธิ 6,787 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 83.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังปรับโครงสร้างใหม่ รายได้ค่าธรรมเนียมฉลุย ทั้งธุรกิจประกัน และกองทุนรวม พร้อมระบุ ยอดเอ็นพีแอลเหลือแค่ 5%
วันนี้(22 เม.ย.) นายวิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2551 โดยระบุว่า ธนาคารมีผลกำไรสุทธิ 6,787 ล้านบาท หรือสูงขึ้นร้อยละ 83.5 เทียบกับไตรมาสแรกของปี 2550 หลังจากธนาคารปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์การดำเนินงานในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ด้วยการเป็นธนาคารที่ให้บริการทางการเงินแบบครบวงจร (Universal Bank) ส่งผลทำให้ธนาคารมีรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะจากผลิตภัณฑ์ด้านประกัน และการขายกองทุนรวม
ทั้งนี้ ธนาคารยังมีรายได้เพิ่มจากธุรกิจเช่าซื้อและธุรกิจจัดการกองทุน ซึ่งทั้ง 2 ธุรกิจมีการขยายตัวที่ดี และมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ผลประกอบการที่ดียังมาจากกำไรพิเศษจากการขายหุ้นในบริษัทต่างประเทศ ซึ่งเกิดเป็นกรณีเฉพาะในไตรมาสแรกของปี 2551 ส่วนการจัดการสินเชื่อด้อยคุณภาพ โดยสามารถลดระดับสินเชื่อด้อยคุณภาพจากร้อยละ 7.9 ณ สิ้นไตรมาสแรกปี 2550 มาอยู่ที่ร้อยละ 5.2 สิ้นไตรมาสแรกปี 2551
ในส่วนของสินเชื่อ การให้สินเชื่อของธนาคารขยายตัวที่ร้อยละ 12.1 จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2550 โดยที่ธนาคารสามารถบริหารส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ย (NIM) ให้ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2550 และใกล้เคียงกับช่วงไตรมาสก่อนหน้า
วันนี้(22 เม.ย.) นายวิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2551 โดยระบุว่า ธนาคารมีผลกำไรสุทธิ 6,787 ล้านบาท หรือสูงขึ้นร้อยละ 83.5 เทียบกับไตรมาสแรกของปี 2550 หลังจากธนาคารปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์การดำเนินงานในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ด้วยการเป็นธนาคารที่ให้บริการทางการเงินแบบครบวงจร (Universal Bank) ส่งผลทำให้ธนาคารมีรายได้ค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะจากผลิตภัณฑ์ด้านประกัน และการขายกองทุนรวม
ทั้งนี้ ธนาคารยังมีรายได้เพิ่มจากธุรกิจเช่าซื้อและธุรกิจจัดการกองทุน ซึ่งทั้ง 2 ธุรกิจมีการขยายตัวที่ดี และมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ผลประกอบการที่ดียังมาจากกำไรพิเศษจากการขายหุ้นในบริษัทต่างประเทศ ซึ่งเกิดเป็นกรณีเฉพาะในไตรมาสแรกของปี 2551 ส่วนการจัดการสินเชื่อด้อยคุณภาพ โดยสามารถลดระดับสินเชื่อด้อยคุณภาพจากร้อยละ 7.9 ณ สิ้นไตรมาสแรกปี 2550 มาอยู่ที่ร้อยละ 5.2 สิ้นไตรมาสแรกปี 2551
ในส่วนของสินเชื่อ การให้สินเชื่อของธนาคารขยายตัวที่ร้อยละ 12.1 จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2550 โดยที่ธนาคารสามารถบริหารส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ย (NIM) ให้ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2550 และใกล้เคียงกับช่วงไตรมาสก่อนหน้า