ประธานฯ ส.อ.ท.ชี้มติ กกต. ยุบพรรคชาติไทย-มัฌชิมาธิปไตย เป็นเรื่องของการเมือง ไม่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ระบุ ภาคธุรกิจคำนึงนโยบายรัฐมากกว่า แต่มีความกังวลปัญหาราคาน้ำมัน คาดผลกำไรปีนี้ ทรุดลงทั่วหน้า
วันนี้(14 เม.ย.) นายสันติ วิลาศศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. มีมติให้ยุบพรรคชาติไทยและพรรคมัชฌิมาธิปไตย จึงส่งเรื่องให้กรรมการสูงสุด เป็นผู้พิจารณาต่อว่า กรณีดังกล่าวคงไม่มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนมากนัก และคงไม่ทำให้การดำเนินธุรกิจต้องชะงักลง เนื่องจาก เป็นเรื่องของการเมือง ซึ่งนักธุรกิจนั้นให้ความสำคัญกับนโยบายของรัฐบาลที่ออกมามากกว่า
อย่างไรก็ตาม ประธานฯ ส.อ.ท.ยอมรับว่า หากคดียุบ 2 พรรคการเมือง ไปถึงกระบวนการในชั้นศาลรัฐธรรมนูญและคำวินิจฉัยออกมาในแง่ลบ ก็อาจมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์บ้าง แต่นักลงทุนที่เป็น Real factor ที่ต้องการขยายการลงทุนเพิ่มเติมนั้น คงไม่มีผลกระทบมากนัก
ขณะนี้ยอมรับว่า ภาคเอกชนมีความเป็นห่วงต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะปัญหาที่เกิดขึ้น ได้ส่งผลให้ต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้นตาม ซึ่งปัจจัยดังกล่าวเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้กำไรของผู้ประกอบการลดลง ถึงแม้ว่า ภาครัฐจะพยายามดูแลปัญหาดังกล่าว แต่ก็ไม่สามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการได้ เนื่องจากเป็นปัจจัยสำคัญนอกประเทศ ที่ไม่สามารถควบคุมได้ อีกทั้ง ภาคเอกชน ยังคงจับตาภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ตกต่ำลงว่า จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยในด้านใดบ้าง เพื่อที่ผู้ประกอบการ จะได้เตรียมรับมือต่อการวางแผนการทำธุรกิจในอนาคตต่อไป
ส่วนค่าเงินบาทในปัจจุบัน ที่แกว่งตัวในระดับ 31 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ประธาน สอท. ยอมรับว่า ค่าเงินบาทยังแข็งค่าอยู่แต่ก็มีเสถียรภาพมากขึ้น เนื่องจาก แกว่งตัวไม่มากนักจึงทำให้การกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนล่วงหน้าทำได้ง่ายขึ้น ถึงแม้ว่ากำไรของผู้ประกอบการ จะยังปรับตัวลดลงก็ตาม
